
วานนี้ (17 มี.ค. 68) สื่อต่างประเทศ รายงานว่า ทางตอนใต้และทางมิดเวสต์ของสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับภัยพายุรุนแรงที่พัดถล่มอย่างหนัก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 40 ราย

สำหรับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ถือว่าวิกฤติอย่างหนัก อาทิ รัฐมิสซูรี ถือเป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยเฉพาะไฟฟ้าที่ถูกตัดกว่า 140,000 ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิต 12 รายจากภัยพิบัติครั้งนี้ ขณะที่รัฐเท็กซัสและโอคลาโฮมา ต้องเผชิญกระแสลมแรงเทียบเท่าพายุเฮอริเคน ส่งผลให้เกิดไฟป่ารุนแรง ซึ่งเฉพาะรัฐโอคลาโฮมา มีรายงานการเกิดไฟป่ามากถึง 130 จุด รวมถึงรัฐแคนซัส มีอุบัติเหตุรถชนกว่า 70 คันบนทางหลวงจากพายุฝุ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย และชายแดนลุยเซียนา-มิสซิสซิปปี พบพายุทอร์นาโด 2 ลูกก่อตัวพร้อมกันในเส้นทางเดียวกัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย
ต่อมา ผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอ, รัฐจอร์เจีย และรัฐโอคลาโฮมา ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน เนื่องจากความเสียหายจากพายุ พร้อมบังคับใช้คำเตือน “ธงแดง” (Red Flag Warning) รวมถึงเท็กซัสและโอคลาโฮมา เนื่องจากพายุลมแรงและอากาศแห้ง ที่อาจทำให้เกิดไฟป่าเพิ่มขึ้น

ด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ผ่าน Truth Social ว่ารัฐบาลกลางได้ส่งกองกำลังพิทักษ์ชาติไปยังรัฐอาร์คันซอ ซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุทอร์นาโดและมีผู้เสียชีวิต 3 ราย อย่างไรก็ตาม คำแถลงของทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงหน่วยงานจัดการเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ (FEMA) ซึ่งปกติเป็นหน่วยงานหลักในการให้ความช่วยเหลือหลังภัยพิบัติ
ซึ่งในสถานการณ์อันยากลำบากนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ และอีลอน มัสก์ ซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้าหน่วย “กระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล” (DOGE) กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากการปลดพนักงานรัฐบาลจำนวนมาก รวมถึงพนักงานของ FEMA ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการรับมือกับภัยพิบัติในอนาคต
“อีจัน” ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะครับ
ขอบคุณข้อมูล : NBC News