
ถ้าพี่ทรัมป์เปิดมาขนาดนี้ แล้วมันจะไปหยุดที่ตรงไหนครับเนี่ย..
วานนี้ (27 มี.ค. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศแผนที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นกระตุ้นการผลิตภายในประเทศ

ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวว่า “สิ่งที่เราจะทำ คือเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ทุกคันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ 25% โดยเริ่มจากฐานภาษี 2.5% ซึ่งเป็นฐานภาษีปัจจุบัน และค่อย ๆ ขึ้นเป็น 25%” โดยภาษีดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ทรัมป์เรียกว่าเป็น “วันแห่งการปลดปล่อย”
ภายหลังแถลงการณ์ดังกล่าว ทรัมป์ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในทันทีจากสหภาพยุโรป (EU) เช่นเดียวกับ มาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา โดยเขาเรียกการประกาศดังกล่าวว่าเป็น “การโจมตีโดยตรง” ต่อคนงานชาวแคนาดา
“เราจะปกป้องคนงานของเรา เราจะปกป้องบริษัทของเรา เราจะปกป้องประเทศของเรา และเราจะปกป้องมันด้วยกัน” คาร์นีย์กล่าว

ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้โต้แย้งมาตลอดว่า สหรัฐฯ ถูกคู่ค้าหลอกลวง และเชื่อว่าภาษีศุลกากร จะเป็นหนทางแก้ไขที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ทรัมป์มักจะชะลอหรือผ่อนปรนแผนภาษีศุลกากรหลายครั้ง ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนัก
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว เชื่อว่า ภาษีนำเข้ารถยนต์ใหม่จะส่งผลให้สหรัฐอเมริกามีรายได้ต่อปีมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.3 ล้านล้านบาท)

สำหรับภาษีดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก โดยอุตสาหกรรมรถยนต์ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 10 ของแรงงานทั้งหมดในญี่ปุ่น ขณะที่ยานยนต์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของมูลค่าการส่งออก 21.3 ล้านล้านเยน (ราว 4.8 ล้านล้านบาท) ไปยังสหรัฐอเมริกาในปี 2024
ขอบคุณข้อมูล : AP News