บทเรียนล้ำค่า! หนุ่มญี่ปุ่นเดทล่มกว่า 2,000 ครั้ง สุดท้าย “เปิดบริษัทแอปหาคู่”

หนุ่มญี่ปุ่นทำถึง! เปลี่ยนบาดแผลให้เป็นบทเรียน หลังเคยเดทล่มกว่า 2,000 ครั้ง ก่อนปัจจุบันผันตัวเป็นเจ้าของบริษัทแอปหาคู่ เพื่อทำให้คนสมหวังในความรัก

เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส เปลี่ยนความผิดพลาดให้เป็นบทเรียน

วานนี้ (12 ก.พ.68) สื่อต่างประเทศ รายงานว่า ชายคนหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ได้ก่อตั้งบริษัทจัดหาคู่ขึ้นเพื่อช่วยให้คนอื่น ๆ ประสบความสำเร็จกับความรักได้ หลังจากที่ตัวเองต้องเผชิญประสบการณ์การนัดเดทที่น่าผิดหวังมาแล้วกว่า 2,000 ครั้ง

เรื่องดังกล่าว เกิดขึ้นกับ “โยชิโอะ” ชายชาวญี่ปุ่นวัย 44 ปี อาศัยอยู่ในจังหวัดชิซูโอกะ ซึ่งโยชิโอะจบการศึกษาในระดับปริญญาโท ด้านวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น 

ซึ่งในขณะที่โยชิโอะ อายุ 36 ปี เขาต้องเผชิญการนัดเดทที่ผิดหวังกว่า 2,000 ครั้ง พร้อมกับวิธีการปฏิเสธมากมาย อาทิ ผู้หญิงบางคนก็หายหน้าไป หลังจากพบกันเพียงครั้งเดียว ในขณะที่บางคนปฏิเสธเขา หลังจากเห็นแค่โปรไฟล์ของเขาเท่านั้น 

โยชิโอะ เชื่อว่าเหตุผลที่ทำให้เขายังไม่พบกับความรักที่แท้จริง เป็นเพราะว่า เขาเป็นลูกคนเดียวที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่ และมีรายได้ไม่มากนัก ซึ่งทำให้ผู้หญิงหลายคนยังมองว่าเขาเป็น “เด็กติดแม่”

เขาเปิดเผยว่ารายได้ต่อปีของเขาอยู่ที่ประมาณ 3.5 ล้านเยน หรือประมาณ 780,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่บริษัทจัดหาคู่ต่าง ๆ กำหนดไว้

ก่อนที่ต่อมา เขาจะได้พบกับภรรยาในปัจจุบันผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ โดยโยชิโอะ กล่าวถึงภรรยาคนนี้ว่า “เขาแสดงออกถึงความจริงใจ และความขยันขันแข็งของเขา” 

และในที่สุด โยชิโอะ ได้ใช้ประสบการณ์เหล่านี้เป็นบทเรียนอันล้ำค่า โดยเขาได้ก่อตั้งบริษัท Yoshio Marriage Laboratory ขึ้น ซึ่งเป็นบริษัทจัดหาคู่ที่ให้คำปรึกษาฟรีแก่บุคคลที่เผชิญกับปัญหาเรื่องความรัก และการแต่งงาน 

ภาพประกอบ

สำหรับในประเทศญี่ปุ่น บุคคลจำนวนมากยังคงไม่มีคู่ครอง เนื่องจากข้อจำกัดทางการเงิน ส่งผลให้ประชากรของประเทศลดลง ขณะที่สถาบันวิจัยประชากรและความมั่นคงทางสังคมแห่งชาติ กรุงโตเกียว ระบุว่า ในประเทศญี่ปุ่น ผู้ชายร้อยละ 32 และผู้หญิงร้อยละ 23.79 ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ไม่เคยผ่านการแต่งงาน

ขอบคุณข้อมูล : South China Morning Post
https://www.scmp.com/news/people-culture/article/3298142/japan-man-starts-dating-agency-after-2000-failed-blind-dates-due-low-income-living-home