
31 มี.ค. 2568 คิมซูฮยอน แถลงข่าวต่อหน้าสื่อเกาหลีครั้งแรก!
หลังมีประเด็นคบหากับ คิมแซรน ตั้งแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และสัญญาหนี้ 700 ล้านวอนจากค่าย Goldmedalist ที่แซรนพยายามติดต่อขอให้ช่วยเจรจา
คำพูดแรกของซูฮยอน คือ “ผมขอโทษครับ”
ผมขอโทษที่ทำให้คนจำนวนมากต้องเจ็บปวดมากขนาดนี้ ผมคิดว่าผมเป็นคนขี้ขลาด ดูเหมือนว่าหลายคนต้องทนทุกข์ทรมานเพราะผม ตอนนี้ที่ผมรู้สึกมีแต่ความเสียใจ ที่นักแสดงผู้ล่วงลับ (คิมแซรน) ไม่สามารถพักผ่อนอย่างสงบสุขได้
ผมคิดว่าคำพูดของผมจะสะท้อนกลับมาที่ผมอย่างไร ถ้าพูดมันออกไป แต่ก็คิดว่าควรจะพูด ผมมีเรื่องที่กังวลมาก และแม้แต่ในตอนนี้ผมก็วิตกกังวล



ผมเข้าใจว่าผู้คนอาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับนักแสดงผู้ล่วงลับ (คิมแซรน) แต่เนื่องจากผมมีโอกาสในการอธิบายเรื่องนี้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นผมจะซาบซึ้งใจมากหากคุณจะฟังสิ่งที่ผมจะพูด
ตอนนั้นที่ผมปฏิเสธความสัมพันธ์ของเรา ผมเข้าใจดีว่าการวิพากษ์วิจารณ์ทางเลือกของผมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ผมลังเลทุกครั้ง เพราะคิดถึงผลกระทบจากการตัดสินใจของผมที่จะมีต่อผู้อื่น
ทุกครั้งที่มีการเปิดเผยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับผมและคิมแซรน ผมคิดกับตัวเองว่า ให้เปิดเผยทุกอย่างดีกว่า ผมคิดอยู่ตลอดว่าจะพูดตรงๆ และยุติสถานการณ์ที่เหมือนอยู่ในนรกนี้ เป็นเพราะผมเองที่ขี้ขลาด ทำให้ตัดสินใจออกมาพูดต่อหน้าสาธารณชนล่าช้า
ผมจะตัดสินใจแบบนั้นเพื่อความสบายใจของตัวเองได้จริงเหรอ ยิ่งคิดมากขึ้นผมก็ยิ่งคิดว่าไม่ควรทำแบบนั้น ตอนที่ Queen of Tears ออกอากาศ ผมมีอะไรต้องปกป้องมากมายในฐานะนักแสดงนำ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมยอมรับว่ามีความสัมพันธ์มาเป็นเวลา 1 ปี จะเกิดอะไรขึ้นกับนักแสดง ทีมงานที่ทำงานกันข้ามคืน และทีมงานฝ่ายผลิตที่ทุ่มเทกับโปรเจ็กต์นั้น
ผมรู้สึกมีความรับผิดชอบอย่างลึกซึ้ง ในฐานะคนที่ใช้ชีวิตแบบคิมซูฮยอน ผมเต็มใจที่จะยอมรับคำวิจารณ์ต่างๆ ที่ส่งถึงผม และยอมรับว่าอาจดูเห็นแก่ตัวและขี้ขลาด
มีบางคนแนะนำผม ให้ปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติและยอมรับสถานการณ์จากเต็มใจที่จะรับความเสี่ยง ไม่นานก็จะหลุดพ้นจากความสนใจของสาธารณชนและเตรียมพร้อมสำหรับการกลับมาอีกครั้งในอนาคต แต่เมื่อไตร่ตรองว่าคำพูดอาจย้อนกลับมาหาผมอย่างไร ผมยอมรับในฐานะคนที่เห็นคุณค่าของความซื่อสัตย์ จึงรู้สึกว่าจำเป็นต้องพูดออกมา
ผมไม่เคยเดทกับคิมแซรนตอนที่เธอยังเป็นผู้เยาว์
ผมไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่ถูกบังคับให้ยอมรับ จากคำบอกเล่าที่เป็นเท็จว่าเป็นความจริงได้ ผมเสียใจที่ต้องโดนข่มขู่ทุกวันเกี่ยวกับการเปิดเผยรูปภาพหรือข้อมูลส่วนตัวระหว่างผมกับคิมแซรน หากผมเลือกที่จะไม่พูดอะไร สถานการณ์อันเลวร้ายที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยชีวิตส่วนตัวของพวกเราอาจหลีกเลี่ยงได้ และไม่เป็นความจริงที่คิมแซรนต้องตัดสินใจอันน่าเศร้าเช่นนี้ เพราะผมหรือค่ายกดดันเธอเรื่องหนี้
แม้ว่าเราจะเป็นนักแสดงแต่ความรักของเราก็เหมือนคู่รักทั่วไป เราคบกันด้วยความรู้สึกที่แท้จริงแต่สุดท้ายก็เลิกกัน
ผมได้ทราบจาก Youtube ว่าอดีต CEO ของบริษัทกำลังดิ้นรนเนื่องจากผลกระทบจากเหตุการณ์เมาแล้วขับ อย่างไรก็ตามผมรู้ว่าคิมแซรนกำลังคบหาอยู่กับคนอื่น จึงทำให้ต้องระมัดระวังในการติดต่อเธอ เนื่องจากเราเป็นบุคคลสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เธอประสบเหตุการณ์เมาแล้วขับ การติดต่อกับเธอจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
นี่อาจจะดูเหมือนเป็นข้อแก้ตัว ผมเคยคิดที่จะฟังคนอื่นและเก็บเงียบเอาไว้ ข่าวลือที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วราวกับเป็นข้อเท็จจริง ผมรู้สึกว่ามันเป็นภาระของผมที่ต้องแบกรับ
ผมรู้สึกเสียใจต่อครอบครัวของนักแสดงผู้ล่วงลับ (คิมแซรน)
ครอบครัวของคิมแซรนได้เปิดเผยความสัมพันธ์ของเรา พวกเขานำเสนอการสนทนาทางโทรศัพท์ที่บันทึกไว้ ชี้ให้เห็นว่าบริษัทได้กดดันเธอ โดยส่งจดหมายฉบับที่ 2 เพื่อเรียกชำระหนี้ อย่างไรก็ตามการสนทนาทางโทรศัพท์ที่บันทึกไว้ เมื่อ 1 ปีก่อน เผยให้เห็นการสนทนาที่แตกต่างกันกับ CEO ของบริษัท
การสนทนาใน KakaoTalk ที่ครอบครัวอ้างว่าเป็นของคิมแซรน ชี้ให้เห็นความไม่ถูกต้องหลายประการ ที่บ่งชี้ว่าข้อความนั้นไม่น่าจะเป็นผลงานของเธอ รวมถึงรูปภ่ายในปี 2019 ที่แนบมากับข้อความนั้น ซึ่งถ้าเป็นของเธอจริงๆ เธอจะต้องไม่สับสนระยะเวลาสัญญาบริษัทของเธอผิด
คิมแซรนทำสัญญาในฐานะนักแสดงเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการคัดเลือกนักแสดงหรือผู้กำกับ
เกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ครอบครัวของนักแสดงผู้ล่วงลับ (คิมแซรน) กล่าวหาว่าเขาเป็นพวกชอบเด็กและล่อลวงผู้อื่นโดยอ้างอิงจากการสนทนาในปี 2016 นั้น การสนทนาแตกต่างจากบุคคลที่สนทนาในปี 2018 เรื่องนี้ เขาขอให้มีการวิเคราะห์การสนทนาผ่าน KakaoTalk ในปีดังกล่าวและในปีนี้ โดย คิมจองบก ทนายความระบุว่า การสนทนาในปี 2016 และ ปี 2018 ดำเนินการจากบุคคลที่แตกต่างกัน และมีหลักฐานที่เป็นภาภถ่าย วิดีโอ และการสนทนาที่ถูกปรับแต่งซึ่งไม่ใช่ของจริง
คิมซูฮยอนยังได้เปิดไฟล์เสียงการสนทนาระหว่าง CEO ค่าย Gold Medalist และตัวแทนของคิมแซรน ว่าความขัดแย้งเกี่ยวกับการชำระหนี้รอบที่ 2 นี้ค่อนข้างซับซ้อน แม้ว่าจะไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าคำกล่าวอ้างเหล่านี้เป็นเรื่องโกหก แต่เขายืนยันว่าจะไม่ยอมรับในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ


สุดท้าย คิมซูฮยอน กล่าวว่า ยินดีที่จะยอมรับคำวิจารณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจของตัวเอง ส่วน คิมจองบก ทนายความ กล่าว่า คิมซูฮยอนได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวตามความปรารถนาของเขาแล้ว ทั้งคิมซูฮยอนและ Gold Medalist ได้ว่าจ้างบริษัทกฎหมายดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่ง เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง โดยได้มีการบยื่นฟ้องครอบครัวของนักแสดงผู้ล่วงลับ (คิมแซรน) และช่องยูทูบ พร้อมกับเรียกร้องค่าเสียหาย 12,000 ล้านวอน