ฮือฮา! นักวิทย์ฯ พบดาวเคราะห์ใกล้โลก กลิ่นคล้ายไข่เน่า

จะมีมนุษย์คนไหนกล้าไปสำรวจดาวเคราะห์ดวงนี้หรือไม่ หลังนักวิทยาศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์ใกล้โลกดวงหนึ่ง ที่มีกลิ่นเหม็นคล้ายกับไข่เน่า 

สื่อต่างประเทศรายงานข่าวการค้นพบสุดแปลกในวงการดาราศาสตร์ หลังมีนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (JWST) ตรวจพบดาวเคราะห์ที่อยู่นอกระบบสุริยะดวงหนึ่ง มีขนาดใหญ่เหมือนดาวพฤหัส และอยู่ห่างจากโลกราว 64 ปีแสง มีกลิ่นเหม็นคล้ายกับไข่เน่า คาดว่าอาจเกิดจากพื้นผิวของดาวและชั้นบรรยากาศที่มีความผิดปกติ 

ดาวเคราะห์ดวงนี้มีชื่อว่า HD 189733 b เป็นดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ใช้เวลาโคจรรอบดาวฤกษ์เพียง 2.2 วันเท่านั้น เนื่องจากดาวดวงนี้อยู่ใกล้กับดาวฤกษ์มาก เพียง 4.8 ล้านกิโลเมตร หรือ 3% ของระยะทางจากโลกไปยังดวงอาทิตย์ และด้วยระยะที่ใกล้ทำให้พื้นผิวดาวมีอุณหภูมิสูงถึง 1,700 องศาฟาเรนไฮต์หรือ 926.6 องศาเซลเซียส 

ตามรายงานที่ถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Nature ระบุว่า กล้องโทรทรรศน์อวกาศ เจมส์ เวบบ์ ได้ตรวจพบดาวเคราะห์นอกระบบดวงหนึ่ง เป็นดาวก๊าซยักษ์ที่มีความคล้ายกับดาวพฤหัสแต่มีขนาดและมวลที่มากกว่า ตั้งอยู่ในทิศทางของกลุ่มดาวหมาจิ้งจอก (constellation Vulpecula) 

นอกจากนี้ยังมีการตรวจพบไฮโดรเจนซัลไฟต์ที่ชั้นบรรยากาศ หรือที่เราเรียกว่า ก๊าซไข่เน่า ซึ่งเป็นก๊าซชนิดที่ไม่มีสี แต่มีความเป็นพิษและไวไฟ บนโลกเรานั้นสามารถตรวจพบได้จากการสลายตัวของอินทรีวัตถุและภูเขาไฟ 

ด้าน ดร.กวงเหว่ย ฟู นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ เผยว่า เราไม่ได้ทำการมองหาสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงนี้เพราะว่ามันร้อนเกินไป แต่การค้นพบไฮโดรเจนซัลไฟต์ก็เป็นก้าวสำคัญในการค้นหาโมเลกุลนี้บนดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ และเข้าใจมากขึ้นว่าดาวเคราะห์ประเภทต่าง ๆ ก่อตัวขึ้นได้อย่างไร นอกจากนี้ยังตรวจวัดปริมาณซัลเฟอร์ หรือ กำมะถัน ของดาวเคราะห์นอกระบบดวงนี้ได้ด้วยเช่นกัน 

ซึ่งซัลเฟอร์ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างโมเลกุลที่มีความซับซ้อน เช่นเดียวกับ คาร์บอน ไนโตรเจน ออกซิเจน และ ฟอสเฟต นักวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องศึกษาเพื่อทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าดาวเคราะห์ถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร และประกอบจากอะไร 

ทั้งนี้ สาเหตุที่ดาวเคราะห์ดวงนี้น่าจะมีกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่า แม้ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์ หรือมนุษย์อวกาศคนไหนไปพิสูนจ์ก็เพราะว่า การค้นพบ ไฮโดรเจนซัลไฟต์ รวมถึง กำมะถัน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นดังกล่าว

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : science.nasa.gov, bbc