มีจริง! ทารกฝาแฝด เกิดห่างกันไม่กี่นาที แต่เกิดคนละปี ซะงั้น

โรงพยาบาล เผยโฉมทารกฝาแฝดคู่พิเศษ เกิดห่างกัน 40 นาที แต่เกิดคนละปีซะงั้น พ่อแม่ตื้นตัน ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ รับวันปีใหม่

โรงพยาบาล Virtua Voorhees ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา ได้ประกาศเรื่องราวที่น่าสนใจเมื่อต้อนรับปีใหม่ 2024 ด้วยการเกิดของเด็กชายฝาแฝด เอสรา และ เอเสเคียล ฮัมฟรีย์ ซึ่งแม้จะเกิดห่างกันเพียง 40 นาที แต่กลับมีปีเกิดที่แตกต่างกัน โดย เอสรา เกิดเวลา 23.48 น. วันที่ 31 ธ.ค. 2023 ด้วยน้ำหนัก 2.72 กก. ส่วนสูง 47.6 ซม. ในขณะที่ เอเสเคียล เกิดเวลา 00.28 น. วันที่ 1 ม.ค. 2024 ด้วยน้ำหนัก 1.81 กก. และส่วนสูง 43.8 ซม.

คุณแม่อีฟและคุณพ่อบิลลี่ ฮัมฟรีย์ ผู้เป็นพ่อแม่ของฝาแฝดตัวน้อย เปิดเผยว่า ลูกชายทั้งสองได้รับชื่อตามบุคคลในพระคัมภีร์ไบเบิล และยืนยันว่า ครอบครัวของพวกเขาสมบูรณ์แล้ว โดยไม่มีแผนที่จะมีลูกเพิ่มเติมอีก และเหตุการณ์นี้ยังเป็นเรื่องพิเศษ เนื่องจากวันเกิดของ เอสรา ตรงกับวันเกิดของคุณพ่อบิลลี่ด้วย ซึ่งทำให้ช่วงเวลาปลายปีถึงต้นปีเป็นช่วงเวลาแห่งการฉลองสำหรับครอบครัวฮัมฟรีย์ ที่มีทั้งวันเกิด, วันครบรอบแต่งงาน, วันคริสต์มาส และวันขึ้นปีใหม่ สร้างบรรยากาศแห่งความสุขและความมหัศจรรย์ให้กับทุกคนในครอบครัว

ขอบคุณภาพจาก สำนักข่าว UPI

เรื่องนี้ สำนักข่าว UPI ได้รายงานอย่างกว้างขวาง โดยเน้นย้ำความพิเศษของเด็กชายฝาแฝดที่เกิดคนละปี และการเป็นวันเกิดที่ตรงกับวันเกิดของคุณพ่อ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องราวที่น่าจดจำและเป็นที่สนใจของสังคมทั่วไป โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกประทับใจกับความพิเศษของเหตุการณ์นี้

คุณแม่อีฟ ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านชีววิทยา และคุณพ่อบิลลี่ ที่ทำงานเป็นศิษยาภิบาล ได้แบ่งปันความรู้สึกแห่งความสุขและความประหลาดใจในการต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัวในช่วงเวลาที่พิเศษเช่นนี้ พวกเขายังได้เล่าถึงวันที่เด็กทั้งสองเกิด โดยคุณแม่อีฟคิดว่า เธอจะคลอดในวันที่ 30 ธ.ค.66 แต่เมื่อวันนั้นไม่มีอาการคลอด เธอจึงกลับบ้าน และในที่สุด ก็ได้คลอดลูกชายทั้งสองในวันเกิดของสามี

การเกิดของฝาแฝดที่มีวันเกิดคนละปีนี้ ถือเป็นเรื่องที่หายากและน่าสนใจ โดยทั่วไปฝาแฝดมักจะมีวันเกิดเดียวกัน แต่ในกรณีของเอสราและเอเสเคียล ฮัมฟรีย์ กลับเป็นการทำลายขนบธรรมเนียมนี้ สร้างความประทับใจและความพิเศษไม่เพียงแต่ในครอบครัว แต่ยังรวมถึงชุมชนที่รู้เรื่องราวนี้ด้วย

ขอบคุณภาพจาก สำนักข่าว UPI
ขอบคุณภาพจาก สำนักข่าว UPI