วันนี้ (13 ก.พ.68) สื่อต่างประเทศ รายงานว่า ปัจจุบันราคาไข่ในสหรัฐอเมริกาพุ่งสูงอยู่ที่โหลละ 4.95 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 168.35 บาท ซึ่งทำลายสถิติเดิมที่ 4.82 ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ทำไว้เมื่อ 2 ปีก่อน และเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าจากราคาต่ำสุดที่ 2.04 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเดือนสิงหาคม 2023
สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ กล่าวว่า “ราคาไข่ที่พุ่งสูงครั้งนี้ ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดของไข้หวัดนกในปี 2015 และคิดเป็นประมาณ 2 ใน 3 ของราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดในเดือนที่แล้ว”
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ ซึ่งไข่ 1 กล่องอาจมีราคา 10 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 338 บาท) หรือมากกว่านั้นในบางพื้นที่ และไข่ชนิดพิเศษ เช่น ไข่ออร์แกนิกและไข่จากแม่ไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อย ก็อาจมีราคาแพงกว่านั้น
ทั้งนี้ คาดว่าราคาไข่จะไม่ลดลงในเร็ว ๆ นี้ โดยปกติราคาไข่จะพุ่งสูงขึ้นในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ เนื่องจากความต้องการไข่เพิ่มสูงขึ้น และกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดการณ์เมื่อเดือนที่แล้วว่าราคาไข่มีแนวโน้มจะพุ่งสูงขึ้น 20% ในปีนี้
แม้ว่าลูกค้าจะซื้อไข่ได้ แต่บางครั้งพวกเขาก็อาจประสบปัญหาในการหาซื้อไข่ได้ ร้านขายของชำบางแห่งประสบปัญหาในการจัดวางสินค้าบนชั้นวาง และลูกค้าต้องจ่ายเงินเพิ่ม และถูกจำกัดจำนวนกล่องที่ซื้อได้ในแต่ละครั้ง
สาเหตุหลักเกิดจากการระบาดของไข้หวัดนก ซึ่งเมื่อพบไวรัสในฟาร์ม ฝูงไก่ทั้งหมดจะถูกฆ่าเพื่อจำกัดการแพร่กระจายของโรค เนื่องจากฟาร์มไข่ขนาดใหญ่มีไก่หลายล้านตัว การระบาดเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้ปริมาณไข่ลดลง
กระทรวงเกษตรฯสหรัฐ เปิดเผยว่า เมื่อ ม.ค.ที่ผ่านมา ไก่มากกว่า 23 ล้านตัวถูกฆ่า เพื่อจำกัดการแพร่กระจายของไวรัสไข้หวัดนก ตัวเลขดังกล่าวรวมถึงไก่งวงและไก่ที่เลี้ยงเพื่อเอาเนื้อ แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นไก่ไข่
ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กล่าวว่า ไข่และสัตว์ปีกยังคงรับประทานได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากสัตว์ที่ป่วยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่แหล่งอาหาร นอกจากนี้ การปรุงเนื้อสัตว์และไข่ให้สุกด้วยอุณหภูมิอย่างน้อย 165 องศาฟาเรนไฮต์ สามารถฆ่าไวรัสได้
ขอบคุณข้อมูล : AP News
https://apnews.com/article/egg-prices-record-bird-flu-a2394bdefc7bd0514d4f003cc5e8a908