จีน จ่อลดนำเข้า “ภาพยนตร์สหรัฐฯ” รับมือภาษีทรัมป์ 

จีน เดินหน้าใช้ “ความแน่นอน” ภายในประเทศ ปกป้องความเสี่ยงจากภาษีทรัมป์ จ่อลดนำเข้า “ภาพยนตร์สหรัฐฯ” เตรียมช่วยเหลือ “ผู้ส่งออก” ที่เจอผลกระทบ

สงครามการค้าโลก ยังคงเดือดปุดๆ ไม่รู้จะไปสุดที่ตรงไหน? 

จากกรณีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนเป็น 145% หลังจากที่เพิ่งประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าจีนเป็น 125% จาก 84%  

ล่าสุด สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า วันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา สำนักบริหารภาพยนตร์แห่งประเทศจีน ประกาศแผนการปรับลดจำนวนการนำเข้าภาพยนตร์ของสหรัฐฯ ตามหลักการตลาดและความนิยมของผู้ชม ขณะการจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้นกับสินค้านำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อความสนใจของผู้ชมชาวจีนที่มีต่อภาพยนตร์ของสหรัฐฯ 

โฆษกสำนักบริหารฯ ระบุว่า จีนในฐานะตลาดภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลก ได้แสวงหาการเปิดกว้างระดับสูงเสมอมา และจะนำเสนอภาพยนตร์ที่ดีเยี่ยมจากประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองอุปสงค์ความต้องการของตลาดต่อไป 

ขณะเดียวกัน เหอหย่งเฉียน โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีน เปิดเผยว่า จีนจะให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทการค้าระหว่างประเทศของจีนที่กำลังเผชิญความท้าทายด้านการส่งออก ให้หันมาสำรวจตลาดภายในประเทศแทน 

เหอ ระบุว่า สหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษีกับจีนอย่างเกินขอบเขต ซึ่งละเมิดสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของจีนอย่างรุนแรง ขัดขวางการค้าทวิภาคี และส่งผลกระทบต่อบริษัทการค้าระหว่างประเทศของจีน พร้อมชี้ว่าจีนจะมุ่งจัดการกิจการภายในของตนให้ดี และใช้ “ความแน่นอน” ภายในประเทศปกป้องความเสี่ยงจาก “ความไม่แน่นอน” ของสภาพแวดล้อมภายนอก 

ทั้งนี้ เหอ ยังระบุถึงแนวทางสำหรับผู้ส่งออกในการสำรวจตลาดภายในประเทศ อาทิ โครงการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าอุปโภคบริโภค แผนริเริ่มต่างๆ เช่น โครงการทัวร์สินค้าคุณภาพจากการค้าต่างประเทศทั่วจีน ตลอดจนการบูรณาการของการค้าภายในและต่างประเทศ 

เหอ เสริมว่า จีนยังคงปลดปล่อยศักยภาพของตลาดภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงสนับสนุนจากนโยบายที่มุ่งรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ พร้อมย้ำว่าการค้าระหว่างประเทศของจีนพร้อมรับมือกับความเสี่ยงและความท้าทายหลากหลายรูปแบบ 

การปรับภาษีในครั้งนี้ ถือเป็นอีกเรื่องที่ควรจับตา เพราะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง รวมถึงไทยเราด้วย