(6 ก.พ.68) สื่อต่างประเทศ รายงานว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารที่ให้อำนาจในการคว่ำบาตรต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC โดยกล่าวหาต่อศาลแห่งนี้ว่า “กระทำการอันไม่ชอบด้วยกฎหมายและไร้ซึ่งเหตุผล” โดยกำหนดเป้าหมายที่สหรัฐอเมริกา และอิสราเอล
โดยการดำเนินการครั้งนี้ เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อคำตัดสินของศาลในเดือนพฤศจิกายน ที่จะออกหมายจับเบนจามิน เนทันยาฮู นายกฯอิสราเอล และโยอัฟ กัลลันต์ อดีตรมว.กลาโหมอิสราเอล ในข้อกล่าวหาอาชญากรรมสงครามและมนุษยชาติจาก “ฉนวนกาซา”
ในคำสั่งนั้น ทรัมป์กล่าวว่า ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ได้ใช้อำนาจในทางที่ผิด ด้วยการออกหมายจับ ซึ่งทรัมป์อ้างว่าเป็นสร้างบรรทัดฐานทางสังคมที่อันตราย อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อพลเมืองสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ทหาร
“พฤติกรรมอันชั่วร้ายนี้ยังคุกคามต่ออำนาจอธิปไตยของสหรัฐฯ และบั่นทอนการทำงานด้านความมั่นคงแห่งชาติและนโยบายต่างประเทศที่สำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตรของเรา รวมถึงอิสราเอล” ทรัมป์กล่าวเสริม
สำหรับศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งมีสมาชิก 125 ประเทศ เป็นศาลที่สามารถดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมสงคราม อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และอาชญากรรมการรุกรานดินแดนของรัฐสมาชิกหรือโดยพลเมืองของประเทศเหล่านั้น ยกเว้น สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย และอิสราเอล ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ICC
ในตอนนี้ ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ได้ดำเนินมาตรการเพื่อปกป้องเจ้าหน้าที่จากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ โดยจ่ายเงินเดือนล่วงหน้า 3 เดือน และเตรียมรับมือกับข้อจำกัดทางการเงินที่อาจทำให้ศาลอาชญากรรมสงครามทำงานล้มเหลวได้
ขอบคุณข้อมูล : The Guardian
https://www.theguardian.com/us-news/2025/feb/06/trump-sanction-icc