วานนี้ (21 ก.พ.68) สื่อต่างประเทศ รายงานว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวแถลงที่สมาคมผู้ว่าการรัฐรีพับลิกันในกรุงวอชิงตัน ว่า จะมีการเรียกเก็บภาษีสูงถึง 150 เปอร์เซ็นต์ จากสินค้าที่นำเข้าจากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ชั้นนำของโลก (BRICS) ซึ่งมีทั้งหมด 9 ประเทศ หลังมีกระแสข่าวว่า BRICS เตรียมเลิกใช้ดอลลาร์สหรัฐ
รายงานระบุว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้รับทราบถึงเจตนาของกลุ่มประเทศ BRICS ที่เตรียมจะทำลายดอลลาร์สหรัฐ และพยายามสร้างสกุลเงินใหม่ โดยมีความเป็นไปได้ที่กลุ่มประเทศเหล่านี้ อาจเปลี่ยนไปใช้เงินหยวนของประเทศจีนแทน
“ทันทีที่ผมเข้ารับตำแหน่ง สิ่งแรกที่ผมพูดก็คือ ประเทศ BRICS ใดก็ตามที่พูดถึงการทำลายเงินดอลลาร์ จะต้องถูกเรียกเก็บภาษี 150% และเราไม่ต้องการสินค้าของคุณ” ทรัมป์กล่าว
แม้แต่ก่อนหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษี 100 เปอร์เซ็นต์ ต่อประเทศกลุ่ม BRICS หากพวกเขาพยายามนำสกุลเงินทางเลือก มาใช้แทนดอลลาร์สหรัฐฯ และโจมตีว่ากลุ่มนี้สร้างขึ้นมาเพื่อ “จุดประสงค์ที่ไม่ดี”
“กลุ่ม BRICS ก่อตั้งขึ้นโดยมีจุดประสงค์ที่ไม่ดี และคนส่วนใหญ่ไม่ต้องการมัน พวกเขาไม่ต้องการพูดถึงมันด้วยซ้ำ พวกเขาไม่กล้าที่จะพูดถึงมัน เพราะผมบอกพวกเขาไปแล้วว่าหากพวกเขาต้องการที่จะเล่นเกมกับเงินดอลลาร์ พวกเขาจะโดนเรียกเก็บภาษีนำเข้า 100 เปอร์เซ็นต์ และประเทศใดก็ตามที่พยายามที่จะแทนที่เงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าระหว่างประเทศ จะต้องบอกลาประเทศอเมริกาทันที” ทรัมป์กล่าว
ในปัจจุบันกลุ่ม BRICS ไม่มีสกุลเงินร่วมกัน แต่ได้มีการหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายครั้ง หลังจากรัสเซียถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกในกรณีความขัดแย้งในยูเครน
ขณะเดียวกันในเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 นายเอ็ดดูอาร์โด ซาโบยา รองรัฐมนตรีต่างประเทศบราซิล กล่าวว่า BRICS ไม่มีแผนที่จะแทนที่ดอลลาร์สหรัฐ แต่ต้องการส่งเสริมการใช้สกุลเงินของประเทศต่าง ๆ ในกลุ่ม
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน กลุ่ม BRICS มีประเทศสมาชิกทั้งหมด 9 ประเทศ ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้ เอธิโอเปีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ และอิหร่าน
ขอบคุณข้อมูล : NDTV
https://www.ndtv.com/world-news/not-heard-from-them-trump-claims-brics-broke-up-after-150-tariff-threat-7760332