
นับเป็นอีกหนึ่งวิกฤตการณ์ของสหรัฐฯ หลังมีการลักลอบนำเข้าสิ่งของผิดกฏหมายจำนวนมาก เนื่องด้วยมูลค่าภาษีที่สูงมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นในปัจจุบันมีการเปิดเผยว่ายอดการลักลอบสิ่งผิดกฏหมายที่มากที่สุดในสหรัฐฯ คือ “ไข่” ซึ่งแซงหน้ายาเสพติดด้วยซ้ำ

วันนี้ (17 มี.ค. 68) สำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2024 ปริมาณการลักลอบไข่ในตลาดมืด ข้ามพื้นที่สหรัฐฯ-เม็กซิโก เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ในซานดิเอโก ตัวเลขอยู่ที่ 158%
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของการลักลอบนำเข้าไข่ มีความเกี่ยวข้องกับภาวะเงินเฟ้อ โดยราคาไข่ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ภายในเวลา 1 ปี ตามตัวเลขของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ซึ่งคาดการณ์ว่า ราคาไข่จะยังคงเพิ่มขึ้นร้อยละ 41 ในปีนี้ ในเดือนมกราคม จากราคาเฉลี่ยของไข่ 12 ฟองอยู่ที่ 4.95 ดอลลาร์ (ราว 166 บาท) แต่ในเดือนมีนาคม ราคาได้เพิ่มขึ้นเป็น 5.90 ดอลลาร์ (ราว 198 บาท)

โดยการเพิ่มขึ้นของราคาไข่ ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการเมืองสหรัฐฯ เนื่องจากมีการถามคำถามเกี่ยวกับประเด็นนี้หลายครั้ง ในการแถลงข่าวของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งระหว่างการรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว “ทรัมป์” ได้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของ “โจ ไบเดน” ว่าล้มเหลวในการควบคุมเงินเฟ้อ ทำให้ราคาไข่ พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ราคาไข่ในสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้น 20% นับตั้งแต่ “โดนัลด์ ทรัมป์” เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ จำเป็นต้องขอให้เดนมาร์กและประเทศในยุโรปบางประเทศ จัดส่งไข่ให้เพื่อลดแรงกดดัน ซึ่งสมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคน เรียกร้องให้มีการสอบสวนเรื่องการกำหนดราคาที่สูงเกินควร

ด้าน ไบรอัน อัลเบรชท์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่งศูนย์กฎหมายและเศรษฐศาสตร์นานาชาติในมินนิโซตา กล่าวว่า
“ราคาไข่ที่พุ่งสูงขึ้นก่อนหน้านี้ในปี 2015 และ 2023 ล้วนเกี่ยวข้องกับการกำจัดฝูงไก่ไข่ เนื่องจากการระบาดของโรค ราคาไข่เริ่มคงที่เนื่องจากมีการเลี้ยงไก่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในสหรัฐฯ มักนิยมใช้นมและไข่เป็นตัวแทนของต้นทุนอาหาร”
ทั้งนี้ อัลเบรชท์ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “การคาดการณ์ราคาไข่เป็นเรื่องยาก เนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”
ขอบคุณข้อมูล : Doc Nhanh