หนักแล้ว! “12 รัฐอเมริกา” รวมตัวฟ้อง “ทรัมป์” ปมรีดภาษีสนั่นโลก

กลุ่มแนวร่วม 12 รัฐแห่งอเมริกา รวมตัวยื่นฟ้องรัฐบาล “โดนัลด์ ทรัมป์” ปมขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าต่อประเทศคู่ค้า – คำฟ้องชี้ “ภาษีทรัมป์” ล้มล้างระเบียบรัฐธรรมนูญ – ก่อความวุ่นวายเศรษฐกิจ 

“ทรัมป์” ไม่ต้องพักกันเลยทีเดียว.. ล่าสุด 12 รัฐในสหรัฐอเมริกา เดินหน้าฟ้องร้องปมรีดภาษีสนั่นโลก

วันนี้ (24 เม.ย. 68) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา กลุ่มแนวร่วม 12 รัฐของสหรัฐฯ ได้แก่ แอริโซนา โคโลราโด คอนเนตทิคัต เดลาแวร์ อิลลินอยส์ เมน มินนิโซตา เนวาดา นิวเม็กซิโก นิวยอร์ก โอเรกอน และเวอร์มอนต์ ได้ยื่นฟ้องร้องฝ่ายบริหารของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับศาลการค้าระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ในนครนิวยอร์ก ฐานกำหนดการจัดเก็บ “ภาษีศุลกากรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย” พร้อมร้องขอให้ศาลออกคำสั่งระงับการจัดเก็บภาษีศุลกากรดังกล่าว 

คำฟ้องดังกล่าวระบุว่า นโยบายภาษีศุลกากรดังกล่าว ทำให้นโยบายการค้าระดับประเทศตกอยู่ภายใต้การกระทำตามคำสั่งของทรัมป์ มากกว่าเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายอย่างเหมาะสม จึงร้องขอให้ศาลฯ ประกาศว่า การจัดเก็บภาษีศุลกากรดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงยับยั้งหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลบังคับใช้นโยบายภาษีศุลกากรนี้ พร้อมชี้ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถใช้กฎหมายฉุกเฉินต่อเมื่อเกิดภัยคุกคามผิดปกติร้ายแรงจากต่างประเทศเท่านั้น 

นอกจากนั้น คำฟ้องเสริมว่า การใช้อำนาจกำหนดการจัดเก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูงมากและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลากับสินค้านำเข้าที่ทรัมป์เลือกหรือกับสินค้าที่เขาเห็นว่าสะดวกจะจัดเก็บ ถือเป็นการล้มล้างระเบียบรัฐธรรมนูญและสร้างความวุ่นวายแก่เศรษฐกิจอเมริกา 

เลทิเทีย เจมส์ อัยการรัฐนิวยอร์ก ชี้ว่า สภาคองเกรสไม่ได้ให้อำนาจประธานาธิบดีกำหนดการจัดเก็บภาษีศุลกากรเหล่านี้ ดังนั้นฝ่ายบริหารได้ละเมิดกฎหมายด้วยการกำหนดจัดเก็บภาษีศุลกากรดังกล่าวผ่านการออกคำสั่งฝ่ายบริหาร โพสต์บนโซเชียลมีเดีย และออกคำสั่งถึงหน่วยงานต่างๆ ซึ่งมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งยังจะนำสู่ภาวะเงินเฟ้อ ว่างงาน และเศรษฐกิจเสียหายเพิ่มขึ้น หากไม่หยุดการจัดเก็บภาษีศุลกากรเหล่านี้ 

ขณะเดียวกัน เคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีที่ไม่คิดหน้าคิดหลังของทรัมป์ ทำให้ต้นทุนของผู้บริโภคพุ่งสูงขึ้นและก่อให้เกิดความวุ่นวายทางเศรษฐกิจทั่วประเทศ 

อย่างไรก็ดี กุช เดไซ โฆษกทำเนียบขาว ตอบโต้ว่า ฝ่ายบริหารยังคงมุ่งมั่นใช้ทุกเครื่องมือที่มี ตั้งแต่ภาษีศุลกากรจนถึงการเจรจา เพื่อจัดการภาวะฉุกเฉินระดับชาติ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมต่างๆ ของอเมริกาและทอดทิ้งคนงานชาวอเมริกันไว้ข้างหลัง 

นับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ เพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติ และกำหนด “ภาษีศุลกากรตอบโต้” กับคู่ค้าทั้งหมดของสหรัฐฯ จนนำไปสู่ความวุ่นวายครั้งใหญ่ และเกิดกระแสต่อต้านอย่างหนักจากประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงภายในสหรัฐฯ เอง 

มหากาพย์ “ภาษีทรัมป์” ร้อนระอุต่อเนื่อง ซึ่งยังคงไร้วี่แววในการยุติสงครามการค้านี้

ขอบคุณข้อมูล : สำนักข่าวซินหัว (XINHUA)