
(22 ม.ค.68) สื่อต่างประเทศ รายงานว่า แซ่วู๋ หญิงวัย 22 ปี จากมณฑลเจียงซู ประเทศจีน เกิดตุ่มใส ๆ บริเวณนิ้วมือของเธอ หลังจากไปทำเล็บไม่กี่วัน ก่อนสุดท้ายจะไปตรวจ และพบว่าเธอ “ติดเชื้อ HPV”
โดยแซ่วู๋ ถือเป็นคนที่รักสวยรักงาม ชอบทำเล็บบ่อยครั้ง แต่ครั้งล่าสุดกลายเป็นความทรงจำที่เลวร้าย หลังจากเธอไปทำเล็บได้ไม่กี่วัน เธอก็พบว่ามีตุ่มใสเล็ก ๆ ขึ้นตามบริเวณนิ้วของเธอ ซึ่งไม่มีอาการเจ็บปวดหรือคัน แต่ตุ่มใสมันเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เธอเลยตัดสินใจเข้าพบแพทย์ผิวหนัง

ผลวินิจฉัย ระบุว่า เธอได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัส HPV จากการสัมผัสตุ่มจากผู้ติดเชื้อ และจำเป็นต้องรักษาด้วยไนโตรเจนเหลวที่มีความเย็นจัด โดยเป็นวิธีกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติ
ปกติแล้ว การติดเชื้อ HPV จะติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ หรือสัมผัสบริเวณอวัยวะเพศโดยตรง ซึ่งการทำเล็บไม่ได้ทำให้เกิดการติดเชื้อดังกล่าวได้

แพทย์กล่าวว่า ขั้นตอนทำเล็บ เริ่มต้นจากการลอกผิวหนังที่ตายแล้ว ทำให้เล็บเสียหายได้จริง ประกอบกับน้ำยาทาเล็บมีสารฟอร์มาลดีไฮด์ หากเครื่องมือทำเล็บไม่ได้รับการฆ่าเชื้อตามมาตรฐานความปลอดภัย จะทำให้แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อราจะติดได้ง่าย
ซึ่งส่วนใหญ่ หลังจากติดเชื้อ HPV แล้ว ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถกำจัดไวรัสได้ด้วยตัวเอง แต่บางครั้งไวรัสเหล่านี้จะขยายพันธุ์ และแพร่กระจายในเซลล์บนผิวหนัง ทำให้เกิดหูดหรือตุ่มใส ๆ หยาบ ๆ บนผิวหนังในที่สุด ซึ่งบางครั้งอาจบวมใหญ่คล้ายดอกกะหล่ำ

ทั้งนี้ เชื้อ HPV แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ “ประเภทที่มีความเสี่ยงสูง” และ “ประเภทที่มีความเสี่ยงต่ำ” โดยประเภทความเสี่ยงสูงอาจก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ ส่วนประเภทความเสี่ยงต่ำอาจก่อให้เกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศ
ขอบคุณข้อมูล : CTWANT
https://www.ctwant.com/article/391655/