
อีจัน ลุยเที่ยวหน้าฝน 3 จังหวัด 3 วัน 2 คืน นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ธรรมชาติโอบกอด ลุยแอดเวนเจอร์ ได้ไหว้พระขอพร เป็นสิริมงคลกับชีวิต สักครั้งในชีวิต อยากให้ทุกคนมาเที่ยวหน้าฝนกันค่ะ
เริ่มต้นที่แรก เราไปกันที่…


เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก
จุดนี้เป็นแลนด์มาร์ค จ.นครนายก ค่ะ นั่งรถจากกรุงเทพฯ มาแค่ 2 ชม. เท่านั้นเองค่ะ ซึ่งเขื่อนขุนด่านปราการชล รองรับน้ำจากด้านบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และน้ำตกเหวนรก มวลน้ำจะไหลมารวมที่เขื่อนขุนด่าน ก่อนระบายสู่แม่น้ำนครนายก
บรรยากาศ 2 ข้างทางคือดีมากค่ะ ยิ่งมาหน้าฝน ยิ่งเห็นความเขียวขจี เหมือนโดนโอบกอด ไปด้วยภูเขา เมฆหมอก ฮีลใจสุด ๆ


ระหว่างที่อีจัน กำลังเดินชมวิวอยู่นั้น มีชาวบ้านช่วยเต่าหลงทางเดินอยู่ริมถนน กลัวว่าจะโดนรถเหยียบ เราเลยติดรถชาวบ้าน ไปปล่อยน้องเต่า ที่ด้านบนเขื่อนขุนด่านปราการชล ได้มีโอกาสร่วมทำบุญใหญ่ปล่อยเต่ากับชาวบ้านด้วยค่ะ
หลังจากนั้น เราเดินลงบรรไดสวรรค์ นั่งเรือไปต้นน้ำ น้ำตกเหวนรก และ ไปเขาช่องลมต่อ ตลอดทางที่เรือแล่นผ่าน ลมโกรกหน้าเย็นๆ มีวิว 2 ข้างทางให้ดู ดีต่อใจมากค่ะ


ต้นน้ำ น้ำตกเหวนรก จ.นครนายก
ก่อนจะเข้าไปเขาช่องลม คนขับเรือพาเรามาแวะถ่ายรูปที่ ต้นน้ำ น้ำตกเหวนรก กันก่อนค่ะ มีโขดหิน ให้นั่งถ่ายรูปคู่กับทิวเขาข้างหลัง สวยเหมือนภาพวาดเลยค่ะ
พอถ่ายรูป กินลม ชมวิวเสร็จ เรานั่งเรือต่อ ไปเขาช่องลม


เขาช่องลม จ.นครนายก
ระยะทางจากต้นน้ำ น้ำตกเหวนรก มาถึงเขาช่องลม ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที
พอมาถึงเขาช่องลม จุดไฮไลท์ที่ใครมาเขื่อนขุนด่านปราการชล ต้องนั่งเรือมาเขาช่องลม อีจันไปสัมผัสมาแล้ว ไม่ผิดหวังเลยค่ะ เขาช่องลมเป็นหุบเขา มีลมพัดตลอด มีลำธารไหลผ่าน สลับกับโขดหิน และทุ่งหญ้าเขียวขจี คุ้มค่ามากค่ะ ที่ได้มาที่เขาช่องลม


เจ้าแม่สีชมพู จ.นครนายก
ระหว่างทางนั่งเรือกลับ ชาวบ้าน ได้เล่าประวัติหินก้อนใหญ่ ลักษณะคล้าย “ผู้หญิงใส่หมวก” มีชื่อว่า “เจ้าแม่สีชมพู” รอบๆหินมีพวงมาลัย ของไหว้ มาวางไว้ ชาวบ้านเชื่อว่า เจ้าแม่สีชมพู คอยปกป้องเขื่อนขุนด่านปราการชล อยู่มาตั้งแต่ยังไม่สร้างเขื่อน จนถึงปัจจุบันหินก็ยังคงสภาพเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
ตามความเชื่อ มีหลายคนมาขอพรและสมหวัง ใครมีโอกาสนั่งเรือไปเที่ยวเขาช่องลม ลองขอพรกันดูนะ เผื่อสมหวัง รวยๆ ปังๆ
พอขึ้นฝั่งมาแล้ว เราเดินขึ้นบันไดสวรรค์ ทำเอาหอบ หมดแรงกันเลยค่ะ กว่าจะเดินถึงข้างบน ถือว่าได้ออกกำลังกาย เหงื่อโชกทั้งตัว 555


สาริกา แอดเวนเจอร์ พอยท์ นครนายก
หลังกินข้าวเติมพลังกันเต็มที่แล้ว เรามาลุยกิจกรรมแอดแวนเจอร์ ที่ สาริกา แอดเวนเจอร์ พอยท์ นครนายก สวมชุดทหาร เข้าสนาม ยิงเพ้นท์บอล และขับรถ ATV เข้าป่า ลุยน้ำ ลุยโคลน ลุยฝน สนุกมากเลยค่ะ แค่วันแรกที่มาเที่ยว ก็รู้สึกว่าใช้ชีวิตคุ้มมาก ลุยกันมาเต็มที่ทั้งวัน ก็ถึงเวลานอนพัก

“รสลิน โฮมสเตย์” จ.นครนายก
พอถึงที่พัก รสลิน โฮมสเตย์ จ.นครนายก ก็ยิ่งฮีลใจค่ะ เป็นที่พักเรือนไทยโบราณริมทุ่งนา นอนท่ามกลางธรรมชาติ สูบลมหายใจเต็มปอด ยิ่งฝนตก อากาศยิ่งเย็นฉ่ำ
นอนเต็มอิ่ม ตื่นเช้ามา เรามุ่งหน้าต่อไป จ.ปราจีนบุรี ค่ะ


ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี
เช้าวันที่ 2 เรามาหาหมอแผนไทย ที่ ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี กันต่อค่ะ ที่นี่ได้รวบรวมสมุนไพร ที่ใช้รักษาโรคได้จริงๆ พอเข้าไปดูร้านยา มียาสมุนไพรรักษาโรคต่างๆ เยอะมากค่ะ และยังมียาดม พิมเสน ที่สกัดจากกัญชาด้วย พอดมแล้วโอ้โหสดชื่นมาก
ซึ่งยาสมุนไพร ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ในการรักษาโรค ใครชอบสมุนไพร ได้มาที่นี่จะหลงรักค่ะ


วิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม อี่ ทง เทียน ไท้ จ.ปราจีนบุรี
ไปหาหมอมาแล้ว เราไปมูกันต่อที่ “วิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม อี่ ทง เทียน ไท้” เป็นแลนมาร์คแห่งใหม่ของ จ.ปราจีนบุรี ที่นี่มีองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมปางประทานพร ประทับบนหลังพญามังกร แกะสลักจากหยกขาวชิ้นเดียว สูงถึง 2.62 เมตร
และชั้นใต้ดินยังมีเสาพญามังกร ให้เราได้กอดรับพลังงาน โชคลาภกันด้วยค่ะ พอขอพรกันเสร็จแล้ว เราไปลุยกันต่อค่ะ


ล่องแก่งหินเพิง จ.ปราจีนบุรี
กิจกรรมแอดแวนเจอร์ ช่วงบ่ายวันที่ 2 เรามาล่องแก่งหินเพิง กันต่อค่ะ แต่ก่อนจะล่องแก่ง เราต้องเดินผจญภัยในป่า ระยะทางกว่า 2.6 กม. เหนื่อย เหงื่อโชก แต่สนุกค่ะ
พอถึงแก่งหินเพิง เราก็ล่องแก่งกันเลย บอกเลยว่าโคตรมัน อยู่ท่ามกลางป่าเขียวขจี
พี่คนขับเรือ มืออาชีพกันมากค่ะ บอกว่า 1 ปี สามารถล่องแก่ง ได้แค่ 4 เดือน คือ ในช่วงหน้าฝน คือ เดือนกรกฎาคม – ตุลาคม มาเที่ยวหน้าฝน สนุกมากจริงๆ ค่ะ
พอลุยกันมาทั้งวัน เราก็เดินทางไปพักกันที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพราะวันที่ 3 เราจะเดินสายทำบุญกันค่ะ


วัดหลวงพ่อโสธร จ.ฉะเชิงเทรา
เช้าวันที่ 3 เรามาต่อกันที่ วัดหลวงพ่อพุทธโสธร หรือ หรือวัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา มาทำบุญ ไหว้พระขอพร ก่อนกลับกรุงเทพฯ วัดนี้ประดิษฐาน หลวงพ่อโสธรองค์จริง อายุเก่าแก่กว่า 200 ปี ค่ะ
ถึงแม้ว่าอีจัน จะมาวันธรรมดา ในช่วงหน้าฝน แต่แรงศรัทธาไม่ขาดสายเลยค่ะ หลายคนเคยมาไหว้ แล้วสมหวังในสิ่งที่ขอ ก็นำไข่ต้มมาแก้บน และไข่ต้มนี้ก็จะถูกนำไปบริจาคต่อไป


วัดจีนประชาสโมสร หรือ วัดเล่งฮกยี่ จ.ฉะเชิงเทรา
หลังทำบุญวัดไทยเสร็จ เราไปมูกันต่อที่ วัดจีนประชาสโมสร หรือ วัดเล่งฮกยี่ อยู่ห่างจากวัด หลวงพ่อโสธร เพียง 4 กม. เท่านั้นเองค่ะ
ซึ่งวัดเล่งฮกยี่ เชื่อกันว่าเป็นหนึ่งใน 3 วัด ที่ประกอบกันขึ้นเป็นตัวมังกร โดยหัวมังกรอยู่ที่วัดเล่งเน่ยยี่ กรุงเทพฯ หางมังกรอยู่ที่วัดเล่งฮัวยี่ จ.จันทบุรี และท้องมังกร อยู่ที่วัดเล่งฮกยี่ แห่งนี้ค่ะ สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
และที่วัดเล่งฮกยี่ ยังมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม นั่งประทับบนหลังมังกร ให้คนที่มาขอพร ได้ลูบมังกรเพื่อรับความเฮงด้วยค่ะ หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวตลาด ส่งท้ายทริปนี้กันต่อค่ะ


ตลาดเก่าคลองสวน 100 ปี จ.ฉะเชิงเทรา
ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ เรามาแวะชมมนต์เสน่ห์ตลาดเก่าริมน้ำกันที่ ตลาดคลองสวน 100 ปี เป็นตลาดเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 คงไว้ซึ่งวิถีชาวบ้านริมน้ำอย่างแท้จริง เหมือนได้ย้อนยุคกลับไปสมัยก่อน คลาสสิกสุดๆ เลยค่ะ ที่นี่เปิดทุกวันเลยนะ ถ้าชอบคนคึกคักแนะนำให้ไปวัน เสาร์-อาทิตย์ จะมีของขายเยอะมากค่ะ

ตลอดทริปนี้ 3 วัน 2 คืน นครนายก – ปราจีนบุรี – ฉะเชิงเทรา เป็นการมาเที่ยวฝน ที่ครบรสชาติมากจริงๆ ค่ะ พอเราเปิดใจมาเที่ยวหน้าฝน ก็ทำให้เราเจอความสุขครั้งใหม่
อย่าลืมไปเที่ยวหน้าฝนกันนะคะ