นายกฯคนที่ 31 เอกชนคาดส้มหล่น “เสี่ยหนู” ชี้ “อุ๊งอิ๊ง-ชัยเกษม” ชวดตำแหน่ง

ลุ้นนายกฯคนที่ 31 เอกชนคาดส้มหล่น “เสี่ยหนู” ชี้ “อุ๊งอิ๊ง-ชัยเกษม” ชวดตำแหน่ง

วันนี้ (14 ส.ค.67) ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยตุลาการมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 เสียง วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีคนที่ 30 ของ นายเศรษฐา ทวีสิน โดยสิ้นสุดตำแหน่งนายกฯ 355 วัน เซ่นปมแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ รวมถึงมีมติศาลรัฐธรรมนูญให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ

หลังจากนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 และ รมว.พาณิชย์ จะทำหน้าที่รักษาการนายกฯ ส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) “เศรษฐา” ก็จะเป็น ครม. ชุดรักษาการไปจนกว่าจะมีนายกฯ คนใหม่ และแต่งตั้งฝ่ายบริหารชุดใหม่ นายกฯ คนที่ 31 จะมาจากการลงมติเลือกในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) มาร่วมให้ความเห็นชอบอีกต่อไป

เรื่องนี้ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยว่า การตัดสินดังกล่าวส่งผลต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องจิตวิทยาเป็นเรื่องแรก หากดูหุ้นก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ดัชนีหุ้นไทย SET เคลื่อนไหวที่ระดับ 1,283 จุด ลดลง -14 จุด หรือ -1.13% ในเวลาต่อมาเมื่อ 16.00 น. ดัชนีหุ้นไทย SET เคลื่อนไหวที่ระดับ 1,288.53 จุด ลดลง -9.26 จุด หรือ -0.71% มูลค่าซื้อขายสุทธิ 41,751 ล้านบาท


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


นอกจากนี้ เรื่องการลงทุนของนักลงทุน มีผลกระทบเกิดจากการมีสุญญากาศทางการเมือง เพราะนักลงทุนต้องรอว่านายกคนใหม่จะเป็นใคร แต่ดูจากในแง่รัฐธรรมนูญ แม้พรรคเพื่อไทย ส่งแคนดิเดต 3 คน และเหลือ 2 คน คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค หลายฝ่ายมองว่ายังไม่มีความพร้อม และ นายชัยเกษม นิติสิริ สส.บัญชีรายชื่อ ที่ไม่พร้อมเพราะมีอาการป่วย

ขณะเดียวกัน ความเป็นไปได้นายกคนใหม่อาจเป็นคนที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาล หรือพรรคเบอร์ 2 คือภูมิใจไทย นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. หรืออาจจะเป็นคนที่มาจากพรรคอื่นๆ ก็ได้

“มองในแง่ทั่วไปรัฐบาลเพื่อไทยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง และเพื่อไทยยังเกาะกันแน่นอยู่ แต่อาจจะมีการเปลี่ยนตัวนายก ซึ่งจะกระทบต่อเรื่องลงทุน เพราะด้านหนึ่งที่ยังตัดสินใจไม่แน่นอนจะชะลอการลงทุนทั้งไทย และในต่างประเทศ เพราะตัวนายกเปลี่ยนสงสัยแนวนโยบาย อาจจะกระทบระยะสั้น” รศ.ดร.สมชายกล่าว

รศ.ดร.สมชายกล่าวอีกว่า ขณะที่มีมติของตุลาการให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ โดยปกติระบบรัฐสภา ถ้าหากมีการตัดสินนายกรัฐมนตรี จะมีการตัดสินคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเพื่อไทย ยังคงมีหน้าที่รักษาการชั่วคราวจนกว่าจะมีการจัดตั้งใหม่ และไม่มีการยุบสภาฯ

“เพียงแต่มีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นมา และพรรคร่วมรัฐบาลยังเป็นพรรคเดิม แต่ระหว่างนี้อาจจะเกิดสุญญากาศทางการเมืองและเศรษฐกิจ ระหว่างนี้พรรคร่วมรัฐบาลต้องมาเจรจาร่วมกันใหม่ว่าจะเลือกใครเป็นนายกฯ รวมถึงการเลือกรัฐมนตรีใหม่ทั้งคณะ ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวจะมีการปรับ ครมใหม่ช่วงปลายปีนี้ด้วย ซึ่งจะมีการเลื่อนตำแหน่งอยู่แล้ว เพียงแต่เปลี่ยนตัวนายกเท่านั้น”รศ.ดร.สมชายกล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคลที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนใหม่ได้ ต้องมีชื่ออยู่ในบัญชีนายกฯ ของพรรคการเมืองที่มี สส. ในสภาไม่น้อยกว่า 5% หรือมี สส. เกิน 25 เสียงขึ้นไป ซึ่งขณะนี้เหลืออยู่ 7 คน จาก 5 พรรค ได้แก่

1.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)


2.นายชัยเกษม นิติสิริ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.)


3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)


4.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี (ยังไม่เคยลาออกจากบัญชีแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ)


5.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ


6.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)


7.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)