
เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.เชียงราย ล่าสุด นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกชุมเตรียมลงพื้นที่ช่วยเหลือน้ำท่วมพรุ่งนี้ (13 ก.ย.67)
โดยวันนี้ (12 ก.ย.67) เวลา 14.00 น. ที่ อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ได้รับรายงานตั้งแต่เช้าอัปเดตสถานการณ์ทั้งจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ตอนนี้ค่อนข้างหนักพอสมควร น้ำเข้ามาถึงอำเภอเมืองแล้ว และทราบว่าเข้ามาตรงสนามบินด้วย แต่รันเวย์ยังใช้ได้ ตนอยากจะสื่อสารให้ทราบว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมาหลังจากที่รอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเพื่อที่จะสั่งการได้ และรัฐมนตรีและรองนายกฯ ทุกท่าน ได้ดำเนินการล่วงหน้าเพื่อเป็นการดูแลประชาชนไปก่อนหน้านี้แล้ว แน่นอนปัญหานี้ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ทุกคนต้องร่วมมือกัน เพื่อที่จะรักษาและทำให้ประชาชนออกจากปัญหาและอุปสรรคเร็วที่สุด

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างทุ่มเท เสียสละ และอย่างเต็มที่ ด้วยความตั้งใจจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัย โดยได้สั่งการเพิ่มขอให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ดังนี้
– กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้ดูแลเรื่องการอพยพประชาชน และสัตว์เลี้ยงให้มีความปลอดภัย ตลอดจนสนับสนุนด้านอาหาร และน้ำดื่ม รวมถึงอาหารสัตว์ให้เพียงพอ
– กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงสาธารณสุข ดูแลเรื่องความเป็นอยู่ที่ศูนย์อพยพ และยารักษาโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง โดยให้แบ่งมอบพื้นที่กำหนดภารกิจ และหน่วยปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น การดูแลด้านการดำรงชีพ การจัดตั้งศูนย์พักพิง การประกอบอาหาร ถุงยังชีพ การแพทย์ และการสาธารณสุข โดยให้มีการใช้ทรัพยากร และอุปกรณ์เครื่องมือของแต่ละหน่วยงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด
– กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม บูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดูแลความปลอดภัยของทรัพย์สิน และบ้านเรือนของราษฎร
– เมื่อน้ำลด ให้ทุกส่วนราชการตรวจสอบความเสียหายระบบสาธารณูปโภค ถนน สะพาน ระบบไฟฟ้า และประปา เพื่อสร้างความเข้าใจ รับฟังปัญหาความต้องการ และดำเนินการปรับปรุงให้เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว พร้อมทั้งแสวงหาความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เช่น หน่วยทหารพัฒนา เพื่อช่วยเหลือประชาชน ร่วมกันทำความสะอาดบ้านเรือน ถนน และพื้นที่สาธารณะที่ถูกน้ำท่วม
– กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบ และเสริมความมั่นคงแข็งแรงเชิงโครงสร้างให้กับคันกั้นน้ำ และระบบระบายน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เขตเศรษฐกิจสำคัญ และเร่งรัดปรับปรุงให้สามารถใช้งานได้โดยเร็ว
– ให้กรมทรัพยากรธรณี เร่งรัดการดำเนินงานเกี่ยวกับระบบเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัยสูงโดยด่วน เพื่อให้ประชาชนรับทราบล่วงหน้า และเตรียมการได้ทันเวลา
– ส่วนราชการที่ทำหน้าที่คาดการณ์สภาพอากาศ รวมทั้ง GISTDA ติดตามปริมาณฝน และระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ แนวโน้ม และแจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งแจ้งเตือนให้ประชาชนในชุมชนและหมู่บ้าน ทราบถึงแนวทางการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัย และช่องทางในการรับความช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมในการอพยพ
โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า “รัฐบาลจะขอรับดูเรื่องการเยียวยาและดูแลประชาชน ให้รักษาชีวิตตัวเอง ออกมาจากที่ที่ประสบภัยโดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องอื่น รัฐบาลจะช่วยในรูปแบบไหนบ้าง ขอให้เป็นหน้าที่ของเรา ที่จะช่วยกันดูแลต่อไป” ให้พิจารณาการใช้เงินจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี โดยมอบหมายสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
– กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำในระยะยาวต่อไป
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลได้เตรียมงบกลาง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ไม่ใช่เฉพาะการเยียวยา โดยให้เน้นความปลอดภัยในชีวิตเป็นหลัก ส่วนระบบเตือนภัยนั้นมีแล้ว และสามารถทำงานได้ เเต่ได้รับรายงานว่าประชาชนยังไม่ออกจากบ้าน เพราะห่วงทรัพย์สิน ตนเองเข้าใจดี แต่ขอให้ตระหนักถึงชีวิตของตนก่อนด้วย สำหรับผู้ที่ประสงค์จะบริจาคเงินช่วยเหลือ ขอให้ประสานกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมอบหมายสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบ ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายต่อไป
“พรุ่งนี้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีบางส่วนวางแผนจะไปลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อไปดูสถานการณ์จริง และสั่งการได้อย่างเร่งด่วนกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ขอให้ทุกภาคส่วนดำเนินการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างปกติ ไม่ต้องมาต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะเพราะไม่ต้องการเพิ่มภาระให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ไม่ให้กระทบถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่รอความช่วยเหลือ” นายกรัฐมนตรีกล่าว