“โผปล่อย”? ปรับ ครม. “อุ๊งอิ๊ง” จริงหรือหลอกล้วนหวังผล!

ร้อนไม่พัก! ข่าวลือข่าวปล่อยมาเป็นระยะ “โผปล่อย”? ปรับ ครม. “อุ๊งอิ๊ง” จริงหรือหลอกล้วนหวังผล!

คอลัมน์ : ตีลังกาเล่าข่าว  โดย กรรณะ

ใกล้วันอภิปรายไม่ไว้วางใจเข้าไปทุกขณะ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของ “รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง – แพทองธาร ชินวัตร”

ถ้าในสายตาคนทั่วไป อาจจะดูดุเดือด แต่ตามหลักทั่วไปแล้วกับรัฐบาลที่เสถียรภาพแข็งแกร่งอาจจะไม่ยี่หระเท่าไหร่  ยังไงก็อยู่ต่อได้ เพราะยังไม่มีใครอยากเลือกตั้งใหม่

ที่ต้องจับตาดูคือ “กระแส” จาก “คนในรัฐบาล” เองเสียมากกว่า

เอาเข้าจริงเมื่อถึงฤดูกาลอภิปรายไม่ไว้วางใจ  “คอการเมือง” ก็มักเรียกกันว่า “ฤดูกาลเขย่าขวด”  เพราะหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มักจะตามมาด้วยการปรับ ครม.

ซึ่งการปรับ ครม. ก็อาจมีเหตุผลทั้งรัฐมนตรีตอบคำถามของฝ่ายค้านไม่ได้จนกลายเป็นจุดอ่อน การที่นายกฯเมื่อผ่านเวลาไปก็จะเห็นว่าใครที่ทำงานไม่เข้าตา หรือเห็นใครที่น่าจะทำงานได้เข้าตามากกว่า ขณะที่ระดับพรรคร่วมหรือระดับรัฐมนตรีและ สส. ภายในพรรคก็อาจจะมองว่าน่าจะถึงคราวในตัวเองเข้ามาทำงานบ้าง และแน่นอนว่าการทวงบุญคุณ และการต่อรองก็จะตามมาด้วย

ถึงวันนี้แม้การอภิปรายจะยังไม่เริ่ม แต่ปี่กลองปรับ ครม. ก็เริ่มโหมแล้ว แน่นอนว่าเรื่องตัวบุคคลใครจะเข้าใครจะออก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นการวิเคราะห์ของนักข่าว แต่อีกส่วนหนึ่งก็คือการปล่อยของ “คนการเมืองเอง” เพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง

วันนี้เราจะลองมาดูว่า “โผปล่อย” โผแรกที่ออกมานั้นมีความเป็นไปได้มากน้อย

แน่นอนว่าชื่ออันดับต้นๆ มีชื่อของ “พรรคภูมิใจไทย” โดยมีข่าวว่าจะมีการเจรจาขอคืน “มหาดไทย” จาก “เสี่ยหนู – อนุทิน ชาญวีรกูล” และให้โยกไปนั่งกระทรวงสาธารณสุขเป็น “หมอหนู” แบบเดิม

ต้องบอกว่าโอกาสในเรื่องนี้ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เพราะวันนี้พาวเวอร์ของ “ภูมิใจไทย” มีมหาศาล เรียกว่าความอยู่ได้หรือไม่ได้ของรัฐบาลขึ้นอยู่กับพรรคนี้

และ “เพื่อไทย” ก็เคยต้องจำใจยอมปล่อย “มหาดไทย” ให้ “ภูมิใจไทย” มาแล้วช่วงตั้งรัฐบาล การจะเอาคืนเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย

เพราะ “มหาดไทย” นั้นมีมือไม้คับประเทศ  ตอนที่ใครยังสงสัยว่าปล่อยทำไม “เพื่อไทย” ยังกล้าๆ ปล่อยมาแล้วเลย

และนี่ผ่านศึกเลือกตั้ง “อบจ.” ยิ่งทำให้เห็นชัดว่าการได้คุมกระทรวงนี้ส่งผลถึงการเลือกตั้งได้ขนาดไหน จึงไม่มีวันเสียที่ “ภูมิใจไทย” จะยอมเสียกระทรวงคลองหลอดนี้ไป แม้ “เพื่อไทย” จะอยากได้คืนมากขนาดไหนก็ตาม

พูดหยิกแกมหยอกกันว่าตำแหน่งเดียวที่สมน้ำสมเนื้อจะมาแลกได้คือ “นายกรัฐมนตรี”   

แต่การปล่อยข่าวเช่นนี้แม้รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ย่อมหวังผลกดดันบางประการ เพื่อแสดงว่าจากนี้ “เพื่อไทย” อาจไม่ยอมภูมิใจไทยในเรื่องอื่นๆ แบบเดิม

ตำแหน่งถัดมาที่หลายคนจับตาคือ “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์”  ปัจจุบันรัฐมนตรีคือ “อาจารย์แหม่ม – นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” จาก “พรรคกล้าธรรม”

เอาจริงๆ ก็คือโควตา ของกลุ่ม “ผู้กองธรรมนัส  – ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า”  ที่ยกพลออกมาจาก “พลังประชารัฐ” ทิ้งลุงเอาไว้ในที่ที่ไม่มีเรา และมาตั้งรกรากที่พรรค “กล้าธรรม” 

หากปรายตาดูคนในรัฐบาลทั้ง สส. ทั้งรัฐมนตรี จะพบว่า หาคนบุคลิก และ “ทำงานพิเศษ” อย่าง “ผู้กองธรรมนัส” ยากมาก แต่การจะให้ทำงาน ก็ต้องมีตำแหน่งติดไม้ติดมือบ้าง

แต่เรื่องเดียวที่ทำให้ “ผู้กองธรรมนัส” จะไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีก็คือ “ประวัติที่ไม่คลีน” ซึ่งบอกเลยว่า “รัฐบาล” กังวลเรื่องนี้ถึงขั้นสุด เพราะการแต่งตั้งคนที่ไม่มีประวัติซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ จะทำให้ นายกฯรัฐมนตรีต้องกระเด็นพ้นเก้าอี้ทันทีเหมือนกรณี “นายกเศรษฐา ทวีสิน” ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ขีดบรรทัดฐานเอาไว้

การที่ “ผู้กองธรรมนัส” จะกลับมาได้ อย่างน้อยก็ต้องทำให้มั่นใจได้ว่าการกลับมาจะไม่ทำให้ “อุ๊งอิ๊ง” ต้องซ้ำรอยเศรษฐา

ซึ่งหาก “ผู้กองธรรมนัส” กลับมาได้ก็จะส่งผลไปถึง “ภูมิใจไทย” เช่นกันกับ “ชาดา ไทยเศรษฐ” เพราะย่อมเกิดคำถามง่ายๆ ว่า “เมื่อเขากลับมาได้ทำไมผมจะกลับมาไม่ได้”

ตำแหน่งถัดมาที่มีการระบุคือ “ทวี สอดส่อง” รมว. ยุติธรรม จาก “พรรคประชาชาติ” ผู้ที่มีภารกิจพิเศษ แต่วันนี้ภารกิจนั้นได้จบลงแล้ว และเริ่มเป็นเป้าใหญ่ จึงอาจจะต้องย้ายออกไปอยู่ที่อื่นซึ่งข่าวก็บอกว่าจะเป็น “กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์” 

ขณะที่ “กระทรวงยุติธรรม” อาจจะให้ “พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติมาดูแล ด้วยเหตุผลสองประการ อย่างแรกคือเขาเป็นอดีตผู้พิพากษามีความคุ้นเคยและเชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างดี และอย่างที่สอง หลังๆเขาเริ่มเดินหน้ากับการปฏิรูปพลังงาน ทำให้อาจจะมีกระทบกระทั่งกับกลุ่มทุนไม่น้อย

ขณะที่มีชื่อ “วราวุธ ศิลปอาชา” ก็จะโยกจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มาดูกระทรวงการต่างประเทศแทน หนึ่งเพื่อหลีกทางให้ “ทวี สอดส่อง” และสองมาทำผลงานแทนรัฐมนตรีปัจจุบันขณะที่โพรไฟล์ของเขาแม้จะไม่ใช่นักการทูต แต่ความสามารถก็ใช่ว่าไม่มีไปต่างประเทศได้ก็ไม่อายใคร แต่ก็ขึ้นกับว่าเขาสนใจตำแหน่งนี้หรือไม่

ยิ่งใกล้อภิปรายไม่ไว้วางใจโผต่างๆจะถูกปล่อยออกมาอีกมาก ซึ่งแต่ละโผก็ล้วนหวังผลทั้งสิ้นจากคนปล่อย  ดังนั้นจนกว่าจะถึงการปรับ ครม. ก็คงต้องฟังหูไว้หู เพราะการเมืองไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้  และแม้แต่คำว่าจะปรับหรือไม่ปรับจากผู้มีอำนาจก็ยังวางใจไม่ได้จนกว่าเรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นนั่นเอง