
ตีลังกาเล่าข่าว โดย กรรณะ
เดือดไม่หยุดเมื่อต่างๆ ฝ่ายต่างเตรียมไม้เด็ดออกมาจัดการกันและกัน มุมแดงคือ “ทวี ณ ดีเอสไอ” มุมน้ำเงินคือ “ค่าย สว. รวมพลัง” จนชาวบ้านต่างสูดปาก และจับตาว่า “มวยยักษ์” คู่นี้จะจบที่ไหน จบแบบมีคนแพ้น็อก จบแบบคาใจคนดูรอดูนัดล้างตา หรือจบแบบกอดคอลงเวที นาทีนี้ออกได้ทุกหน้า
ความเดิมตอนที่แล้วหยุดอยู่ที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ ตัดสินใจเลื่อนการพิจารณาคดีฮั้ว สว. ออกไป ฉากหน้ามีการชี้แจงว่าต้องการทำให้ครบถ้วนกระบวนความ ไม่ว่าจะเป็นให้ อนุกรรมการของดีเอสไอพิจารณา หรือ การเชิญ กกต. มาให้ข้อมูล
แต่ฉากหลังว่ากันว่า อยู่ที่เสียงของกรรมการคดีพิเศษ ที่ดูท่าจะได้ไม่ถึง 2 ใน 3 ของ 22 คน หรือต้องได้มากกว่า 15 คน ไม่ว่ากรรมการจะมาครบหรือไม่

แค่วันนั้นก็ขาดประชุมแล้ว 3 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นคนที่มียศนำหน้าเป็น “นายพลตำรวจ” ทั้งสิ้น นำขบวนโดยหัวแถวอย่าง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ย่อมส่งสัญญาณไม่ปกติ
เพราะการขาดประชุมในยามที่กฎหมายกำหนดเช่นนี้ก็เท่ากับการ “โหวตโน” นั่นเอง
ทำให้วันนั้นเหลือกรรมการ 19 คน ซึ่งหากอยากให้รับเป็นคดีพิเศษก็ต้องทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้มีคนโหวตโนเกิน 4 เสียง แต่เช็กไปเช็กมาทำท่าจะมั่นใจไม่ได้ เพราะมีหลายคนที่มีทั้งเห็นว่าไม่ใช่อำนาจของดีเอสไอ และ คนที่ “ภูมิธรรม” อาจไม่มั่นใจในจุดยืน ซึ่งทำให้อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะแว่วว่าก่อนการประชุม สายของกรรมการบางคนร้อนเป็นพิเศษ จึงเป็นที่ไปที่มาของการเลื่อนออกไป
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา “อนุกรรมการดีเอสไอฯ” ก็ยืนยันจะดำเนินคดีอาญา ในกรณีฮั้วเลือก สว. เรียกว่าครบถ้วนกระบวนความตามที่ กรรมการคดีพิเศษฯ ให้มา
เรียกได้ว่า “ดีเอสไอ” พร้อมเดินหน้าแบบสุดๆ เตรียมเอาเรื่องเข้าบอร์ดอีกทีวันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม ที่จะถึงนี้
ขณะที่ สว. ก็ไม่ยอมและเดินหน้าตรวจสอบ “ดีเอสไอ” แม้ว่าสังคมจะเปล่งเสียงว่าการทำแบบนี้ก็เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบ
ดาบแรก สว. ยื่น ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบ “จริยธรรม” ซึ่งเป็นเหมือน “ดาบเอนกประสงค์” ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ กับ “ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม” และ “ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ” โดยอ้างว่าเป็นการกลั่นแกล้ง สว.
นอกจากนี้ยังเปิดประชุมในวันนี้ (4 มี.ค.) พิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย แปลง่ายๆ ก็คือซักฟอก “ทวี – ยุทธนา” นั่นเอง

แน่นอนว่าคดีที่จะถูกลากโยงมาก็คือ “คดีชั้น 14” ซึ่งถูกตั้งคำถามถึงมาตรฐานการทำงานและมองว่าเอื้อประโยชน์ต่อ “ทักษิณ ชินวัตร”
ขณะที่ “ดีเอสไอ” และ “ทวี” ก็ยืนเด่นโดยท้าทาย สว. ว่าการเอามาซักฟอกกันในสภาก็ดีจะได้เปิดข้อมูลกันให้ชัดๆ เลยว่ามีการฮั้วอย่างไร ว่าแต่ สว. จะรับฟังได้หรือไม่
นอกจากนี้ก็ยังมีโพยหลุดถูกส่งต่อในไลน์ของสมาชิกรัฐสภา ในวันก่อนที่จะมีการประชุม คราวนี้เป็นโพยชื่อของคนที่จะถูกเรียกมาเป็นพยาน โดยมี 1,200 รายชื่อ ซึ่งก็ตรงกับจำนวนของคนร่วมขบวนการที่ “ดีเอสไอ” ระบุมาก่อนหน้านี้ โดยมีทั้ง สว. และ ผู้สมัคร ในหลายจังหวัด
แหล่งข่าวจาก “ดีเอสไอ” ไม่บอกว่าเอกสารหลุดจากไหน แต่บอกว่ามีความถูกต้อง 99.5%

และแหล่งข่าวคนนี้ยังซึ่งหากเรียกมาสอบแล้วเข้าข่ายเป็นผู้กระทำผิดมากกว่าพยาน ก็จะกลายเป็นผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดี
ทางฉากหน้าเรียกได้ว่า นาทีนี้ไม่มีใครยอมใคร และพร้อมจะกระโจนเข้าใส่กัน เหมือนมวยคู่ใหญ่ คืนก่อนวันจริง
ต้องดูว่าวันประชุม สว. “ทวี” จะเปิดเอกสาร หรือแฉชุดข้อมูลอะไรที่ทำให้ สว. สะอึกหรือไม่
แต่เกมนี้จริงๆแล้วอยู่ที่วันที่ 6 มี.ค. ที่เป็นวันประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ต้องดูว่า ผู้คุมเกมของ “ดีเอสไอ” จะหาเสียงได้ครบ 15 เสียงหรือไม่ หรือ “สายร้อน” จะโทรหากรรมการหลายๆคนและโน้มน้าวจนเป็นผลสำเร็จ
หากหาเสียงได้ไม่ครบ 15 คน งานนี้ “ภูมิธรรม” จะทำอย่างไร เพราะการจะเลื่อนออกไปเรื่อยๆก็ไม่น่าใช่เรื่องที่ดี และทำได้บ่อยๆ แต่หากเดินหน้าแล้วถูกคว่ำเรื่องนี้ก็จบลง ยิ่งเป็นการติดปีกให้ สว.
ในทางตรงข้ามหากสามารถทำให้รับเป็นคดีพิเศษได้ “ดุลอำนาจ” ทางการเมืองจะเปลี่ยนอย่างแน่นอน ต้องดูว่า “คนคุมเกม” ในสงครามตัวแทนครั้งนี้จะจัดการเรื่องราวได้ออกมาในรูปแบบไหน