เดือด! ‘ไอซ์ รักชนก’ ซัด ‘อุ๊งอิ๊ง’ แก้ไขปัญหาแก๊งคอลฯ ล้มเหลว กลางศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ส.ส. รักชนก ศรีนอก พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯแพทองธาร โดยมุ่งไปที่ประเด็นการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ‘แก๊งคอลฯ’ ชี้นายกฯแก้ไขล้มเหลว

วันนี้ (25 มี.ค. 68) เข้าสู่วันที่สอง ของการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ กรณีฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งในปีนี้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” เพียงคนเดียว

ซึ่งในวันนี้ นางสาวรักชนก ศรีนอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เป็นคนที่สาม โดยได้เริ่มอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เน้นไปที่ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์ กล่าวว่า ปัญหานี้เป็นปัญหาที่รัฐบาลดูเหมือนจะให้ความสำคัญ แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงภาพลวงตา

นางสาวรักชนก ระบุว่า นายกรัฐมนตรีขาดภาวะผู้นำและปล่อยให้เกิดภาวะเกี่ยงงานในหมู่หน่วยงานรัฐ จนส่งผลเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อีกทั้งยังลอยตัวเหนือปัญหา ไม่กล้าตัดสินใจ จนต้องให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามากดดันถึงจะเริ่มมีการดำเนินการ

นางสาวรักชนก ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา อาชญากรรมทางไซเบอร์ก่อให้เกิดความเสียหายกว่า 80,000 ล้านบาท โดยเฉพาะปี 2023 ที่พบว่ามีเงินไหลออกไปยัง พม่า ลาว และกัมพูชา รวมกันมากถึง 1.533 ล้านล้านบาท พร้อมเน้นย้ำว่า การปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ต้องใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีในการตัดสินใจ เพราะเกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐมากกว่า 10 หน่วยงาน

ส่วนประเด็นการ “ตัดไฟเพื่อนบ้าน” ในการปราบปรามแก๊งอาชญากรรมออนไลน์ นางสาวรักชนก ได้กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยได้มีการขายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้าน 18 จุด ซึ่งจุดเหล่านี้อยู่ติดกับ 3 ประเทศที่มีสถิติแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากที่สุด โดยไฟฟ้าและสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทยนี้เอง ทำให้แก๊งคอลฯ สามารถปฏิบัติการได้อย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งมีการหลอกลวงและค้ามนุษย์ เพื่อบังคับให้ทำงานในอาชญากรรมออนไลน์นี้ เช่นกรณีของ “ซิงซิง” ดาราชาวจีนที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนที่จะตกเป็นข่าวไปทั่วประเทศ และได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็วเพียงแค่ 2 วัน ซึ่งแตกต่างกับบุคคลชาวไทยอีกจำนวนมาก ที่ยังคงรอการช่วยเหลือ แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการในส่วนนี้

ต่อมา นางสาวรักชนก ได้กล่าวถึงกรณีปัญหาซิมม้า และบัญชีม้า กล่าวว่า ซิมม้าและบัญชีม้า เป็นช่องทางสำคัญของอาชญากรรมไซเบอร์นี้ แต่รัฐบาลกลับไม่มีมาตรการที่เข้มงวดในการจัดการใด ๆ ปล่อยให้บัญชีม้าถูกเปิดอย่างแพร่หลาย และนำไปสู่ความเสียหายของประชาชนที่เพิ่มขึ้น โดยเงินที่ถูกหลอกลวงไป มักถูกแปลงเป็นคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และไม่ได้ออกระเบียบการซื้อคริปโตแบบ P2P ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการติดตามเส้นเงิน

นางสาวรักชนก กล่าวถึงการเสนอร่าง พ.ร.ก. ร่วมรับผิดชอบ ที่ต้องการให้ธนาคารและค่ายมือถือเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ แต่นายกรัฐมนตรี กลับไม่กล้าตัดสินใจ จัดตั้งคณะกรรมการดังกล่าว ขณะที่ประเทศสิงคโปร์ได้ดำเนินมาตรการลักษณะเดียวกันไปแล้ว

นางสาวรักชนก ได้กล่าวถึงความบกพร่องของมาตรการตรวจสอบประชาชนคนเข้าเมือง ซึ่งชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยกลายเป็น “สวรรค์ของอาชญากรรม” เนื่องจาก ระบบตรวจอัตลักษณ์บุคคล ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จะต้องใช้สิ่งนี้ในการเก็บข้อมูลบุคคลเข้า-ออก ในประเทศ ซึ่งทุกวันนี้ระบบดังกล่าวได้หมดอายุลง จึงทำให้ไม่สามารถเก็บข้อมูลและเปรียบเทียบลายนิ้วมือแบบเรียลไทม์ได้นับตั้งแต่ปี 2567 ซึ่งปัจจุบัน ตม. ทำได้เพียงเก็บแค่รูปลายนิ้วมือเท่านั้น และเหตุนี้เองทำให้ประเทศไทยมีบุคคลที่ไม่สามารถตรวจสอบอัตลักษณ์ได้มากกว่า 17 ล้านคนแล้ว โดยชี้ว่า นายกฯ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ