ใครรับผิดชอบ? หนุ่มเหยียบเหล็กริมฟุตบาท เลือดอาบ ต้องใช้ไม้เท้าค้ำ 

ใครรับผิดชอบ? เพจดังโพสต์ถาม หนุ่มลงจากรถมอเตอร์ไซค์ ริมฟุตบาท กลางกรุงฯ แล้วเหยียบเหล็กเส้น เลือดไหลนอง ต้องใช้ไม้เท้าค้ำช่วยเดิน ตรวจสอบพบเหล็กโผล่หลายจุด

เห็นแล้วหดหู่! คุณภาพชีวิตคนไทย ไหนจะต้องระวังมิจฉาชีพ สู้กับฝุ่นพิษ PM 2.5 และภัยอื่นๆ อีกรอบด้าน ล่าสุด แค่ก้าวลงจากรถ ใครจะไปคิดว่าจะเหยียบเหล็กริมฟุตบาทกลางเมืองกรุงฯ จนบาดเจ็บหนัก ถึงขั้นต้องใช้ไม้เท้าค้ำช่วยเดิน 

วานนี้ (11 ก.พ.68) เพจเฟซบุ๊ก ฟุตบาทไทยสไตล์ ได้โพสต์ภาพเหล็กที่ยื่นออกมาริมฟุตบาท พร้อมแคปชั่นเล่าว่า… 

“เคสนี้อาการหนักมาก (ขาเลือดอาบ, FB ไม่น่าให้รูปผ่าน) จนแอดต้องขอลัดคิวมาลงโพสต์ก่อน‼! 

เหตุเกิดช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา (00:30 วันอังคารวันนี้) 

ลูกชายลงจากรถมอเตอร์ไซค์ ริมฟุตบาท แล้วเหยียบลงเหล็กเส้น ตำฝ่าเท้าเลือดไหลนอง พิกัด หน้าคอนโด Chapter (จุฬา-สามย่าน) ถนนสี่พระยา แยกถนนนเรศ เยื้องตึกอามีโก้ 

เป็นพนักงานวิ่งงาน ไม่มีประกันสังคม สามารถขอชดเชยจากที่ไหนได้บ้างคะ (ลูกชายไปฉุกเฉิน จุฬา) 

บริเวณนี้ มีเหล็กเส้นโผล่ 3-4 จุด ริมฟุตบาท 

สำนักงานเขตบางรัก เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย? ปล่อยฟุตบาทสภาพบรรลัยแบบนี้ นี่ถ้าเกิด accident คืออันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลยนะ  

เหตุแบบนี้ unnecessary ไม่ควรเกิดขึ้นแต่แรกเลย เฮ้อออ” 

ก่อนที่ทางเพจจะอธิบายเพิ่มเติมว่า… 

“ตอนนี้ผู้บาดเจ็บ ต้องใช้ไม้เท้าค้ำช่วยเดิน น่าจะต้องพักร่างกายหยุดงานไป 1 สัปดาห์” 

“ลูกชายเดินข้ามไปฝั่งตรงข้าม เลือดนองหน้าร้านถ่ายเอกสาร” 

“เมื่อกลางวัน ได้เข้าไปคุยกับเจ้าของร้าน เขาบอก เมื่อหลายเดือนก่อน ก็มีฝรั่งมาตกท่อหน้าร้าน ตอนที่เขามาทำท่อ” 

“อยากเตือนคนอื่นด้วยค่ะ มีเหล็กโผล่หลายจุด” 

จากนั้น สำนักงานเขตบางรัก BangRak District Office ก็ได้เข้ามาคอมเมนต์อัปเดตว่า… 

“สำนักงานเขตบางรัก ได้จัดเจ้าหน้าที่หน่วยเบสท์ ฝ่ายโยธา เข้าดำเนินการแก้ไขบริเวณดังกล่าว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเบื้องต้น พร้อมได้ประสานกับสำนักการโยธา กทม. ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการปรับปรุงทางเท้าถนนสี่พระยา ให้เข้าตรวจสอบในจุดอื่น ๆ ที่เสี่ยงจะเกิดอันตรายแก่ผู้สัญจรทางเท้าตลอดเส้น หากพบว่าเป็นจุดอันตรายให้ทำการแก้ไขโดยด่วน พร้อมให้กำชับผู้ควบคุมงานก่อสร้างทำการปรับปรุงทางเท้าให้เรียบร้อย เพื่อความปลอดภัยแก่ผู้สัญจร ขออภัยในความไม่สะดวกไว้ ณ โอกาสนี้”