
ไข้อีดำอีแดงระบาดในเด็กช่วง 5 -15 ปี รัฐบาล เตือน ผู้ปกครองคัดกรองบุตรหลาน
วันนี้ ( 28 ก.พ.68) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดโรคไข้อีดำอีแดงในโรงเรียนพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ รัฐบาลห่วงใยสุขภาพของนักเรียน หากพบการระบาดในโรงเรียนขอให้ผู้อำนวยการโรงเรียนพิจารณาหยุดเรียน เพื่อป้องกันการระบาดของโรคอีดำอีแดง และเพื่อให้มีการดำเนินการควบคุมโรคที่เหมาะสม โดยให้เร่งดำเนินการล้างทำความสะอาดห้องเรียน ของใช้ในห้องเรียนด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ก่อนที่จะทำการเปิดโรงเรียน ทั้งนี้ ในช่วงวันหยุดเรียนขอความร่วมมือผู้ปกครองช่วยคัดกรอง นักเรียนหากพบว่ามีไข้สูง ตัวร้อน เจ็บคอ ลิ้นจะนูนแดงคล้ายผลสตรอว์เบอร์รี หรือมีสิ่งที่บอกเหตุที่น่าสงสัยว่าจะติดเชื้อแบคทีเรีย ให้ผู้ปกครองพานักเรียนไปพบแพทย์เพื่อตรวจอาการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

สำหรับไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ มักจะเจอในเด็กวัยเรียน อายุ 5-15 ปี โดยแบคทีเรียชนิดนี้สร้างสารพิษได้ ทำให้เกิดผื่นแดงขึ้นตามตัว เชื้อนี้สามารถติดต่อผ่านการไอหรือจาม การสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก การใช้ของร่วมกัน เช่น ของเล่น หรือข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ อาการผู้ป่วยมักจะแสดงอาการภายใน 1 สัปดาห์หลังติดเชื้อ มีไข้สูง เจ็บคอ อาจมีหนองหรือจุดเลือดออกที่ต่อมทอนซิล ผื่นแดงสากคล้ายกระดาษทราย เริ่มจากลำตัวและกระจายไปแขนขา มักไม่ขึ้นที่ใบหน้า แต่แก้มจะแดงและมีวงซีดรอบปาก ลิ้นแดงเป็นปุ่ม ๆ คล้ายสตรอว์เบอร์รี และมีอาการอื่น ๆ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น และปวดท้อง มักจะมีอาการแทรกซ้อน เช่น โรคไข้รูมาติกและหน่วยไตอักเสบเฉียบพลันซึ่งมักเกิดหลังต่อมทอนซิลอักเสบประมาณ 1-4 สัปดาห์ เกิดจากปฏิกิริยาของแอนติบอดีที่ถูกกระตุ้นด้วยเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอต่ออวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย

“หากพบเด็กนักเรียนในครอบครัวป่วยเป็นไข้หวัดอีดำอีแดง ขอให้บุคคลในครอบครัวหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย แต่หากมีความจำเป็นที่ต้องใกล้ชิดกับผู้ป่วยจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาร่วมกับล้างมือก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วยหรือของใช้ของผู้ป่วย อย่าใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย โดยเฉพาะของใช้ส่วนตัว เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อสเตร็ปโตคอสคัสชนิดเอ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการรับประทานอาหารที่ประโยชน์ครบ 5 หมู่ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ” นายคารม ระบุ