ความจนมันน่ากลัว! พ่อปลิดชีวิตตัวเอง หวังเงินฌาปนกิจช่วยลูกพ้นคดี 

สุดสลด! ลูกชายวัย 14 ปี ถูกพ่อเพื่อนทำร้าย แจ้งความตำรวจแล้วเข้าใจว่าต้องจ่ายค่าปรับฝ่ายละ 1,000 บาท พ่อไม่มีเงิน ตัดสินใจปลิดชีพ หวังเงินฌาปนกิจช่วยลูกพ้นคดี

“เราคนจน จะไปสู้อะไรกับเขาได้ เงินไม่มี ถ้าเรามีเงินก็สู้เขาได้ มีทางเดียวที่จะมีเงิน คือเงินฌาปนกิจของพ่อ” นี่คือคำพูดสุดท้าย ก่อนที่พ่อจะตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงเพื่อลูก 

เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีคุณพ่อวัยอายุ 63 ปี ท่านหนึ่ง ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ที่ ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เพื่อต้องการร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายที่โดนทำร้าย โดยครอบครัวดังกล่าวมีกัน 3 คน คือ พ่อ พี่ชาย และตัวน้อง ส่วนแม่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว พ่อน้องประกอบอาชีพทั่วไป พี่ชายทำงานอยู่ต่างจังหวัด ก่อนเกิดเหตุน้องก็ไปเล่นบอลตามปกติ แล้วเกิดมีปากเสียงกับเพื่อนที่เล่นด้วยกัน แต่พ่อของเพื่อนน้องมาเห็นว่ากำลังทะเลาะจึงเข้ามาข่มขู่น้อง ก่อนจะทะเลาะกัน แล้วพ่อเด็กคนนั้นก็ต่อยเข้าเบ้าตาน้องจนเขียวปูดแล้วก็กลับบ้านไป

พอถึงบ้าน น้องมาเล่าให้พ่อฟัง รุ่งเช้าน้องก็เข้าไปแจ้งความที่ สภ. ตำรวจบอกว่า เป็นเรื่องทะเลาะวิวาท อยากจะให้เข้ามาไกล่เกลี่ยกัน ให้จ่ายคนละ 1,000 บาท หลังจากพี่ชายทราบข่าวจึงรีบกลับจากต่างจังหวัด มาปรึกษากันเพราะน้องไม่มีเงิน 1,000 บาท จะไปจ่ายเขา ซึ่งช่วงที่คุยกัน พ่อได้พูดว่า… 

“เราคนจน จะไปสู้อะไรกับเขาได้ เงินไม่มี ถ้าเรามีเงินก็สู้เขาได้ มีทางเดียวที่จะมีเงิน คือเงิน ฌาปนกิจของพ่อ” 

พี่ชายได้ฟังจึงเอ่ยปากห้ามพ่อ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปนอน ต่อมา ช่วงประมาณตี 4 หัวรุ่ง น้องตื่นมาเพื่อจะไปหาปลามาขายที่ตลาด ต้องตกใจเพราะเห็นพ่อปลิดชีพตัวเองดับ น้องช็อกหนักจึงไปเรียกญาติให้มาช่วยส่งโรงพยาบาล และที่น่าหดหู่คือวันจัดงานศพแม้แต่โลงก็ยังไม่มี ญาติก็ต่างช่วยกันจัดงานให้พ่อน้อง และนำโลงของทางวัดมาจัดการให้  

ล่าสุดวันนี้ (1 ก.ค.67) ลูกชายคนโตของผู้ตาย ซึ่งเป็นพี่ชายของน้อง เล่าว่า หลังจากพ่อทราบว่าลูกชายคนเล็กถูกพ่อของเพื่อนในโรงเรียนทำร้ายเมื่อวันที่ 30 พ.ค.67 ที่ผ่านมา พ่อก็เกิดอาการเครียดเพราะคดีไม่คืบหน้า พ่อคอยถามทุกวันว่ามีเงินไปช่วยน้องขึ้นศาลไหม เขาไม่มีผมก็ไม่รู้จะทำไง ผมทำงานหาเงินให้เขาทุกวัน จะให้เขาเอาเงินไปขึ้นศาล ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะมาทำแบบนี้ เรื่องชกต่อยเกิดขึ้นที่โรงเรียน คดี 1 เดือน 1 วัน ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมเป็นคนไปแจ้งความให้แต่ตำรวจเขาไม่เอาผมเป็นผู้ปกครอง เขาจะเอาพ่อเป็นคนแจ้ง พ่อไม่สบาย เขาก็จะเอาพ่อ แต่ถ้าเอาผมไปแจ้งก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ พ่อเขาเครียดกลัวไม่มีเงินไปสู้คดี เงินติดตัวกินข้าวยังไม่มีกันเลย ทางคู่กรณีเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะยังไง 

ลูกชายคนโตของผู้ตาย เล่าต่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องของเด็ก 2 คน แล้วพ่อของฝั่งโน้นมายุ่ง เขาเมาด้วย แล้วเขามาต่อยน้องผม วันนี้จริง ๆ ตำรวจเรียกขึ้นศาล เพื่อไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี ส่วนเงิน 1,000 บาท ผมก็ไม่เข้าใจ แต่พ่อบอกผมมาว่าร้อยเวรปรับคนละ 1,000 บาท แต่พ่อบอกเขาว่าไม่มี รอขึ้นศาลเดี๋ยวค่อยให้  

ด้านน้องคนที่ถูกทำร้าย เล่าว่า วันนั้นผมเล่นบอลอยู่ ลูกลุงคนนั้นเขาก็วิ่งมาซ้อม รด.  ผมก็ทักเหมือนเพื่อนว่า ไปไหน? เขาก็ตอบว่าเสือก ผมก็เลยหัวร้อนวิ่งเข้าไป แต่ไม่ได้ทำอะไร ตอนนั้นเขาถืออิฐเหมือนจะทำร้ายผม ผมจึงเดินกลับไปหาเพื่อน ให้เพื่อนพาไปหาคนนั้นเพื่อจะเคลียร์ แต่พอเคลียร์ไม่รู้เรื่อง ผมก็กลับมาที่โรงเรียน แล้วพ่อของคนนั้นเขาก็มาถามว่าเก๋าหรอ เก่งหรอ มึงเก่งมาจากไหนหรอ ผมก็เลยบอกว่าผมไม่เก๋า แล้วเขากลับไปรอบหนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาด่าผมอีกรอบหนึ่ง พร้อมกับต่อยหน้าผม ผมไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน ผมก็ทักปกติไม่คิดว่าเขาจะไปบอกพ่อแบบนี้ แล้วพ่อเขาก็เมาด้วย 

ทั้งนี้ นายธนศักดิ์ อายุ 27 ปี คนที่เข้ามาช่วยเหลือน้อง กล่าวว่า มีผู้หวังดีติดต่อมาอยากให้ผมเข้ามาดูแลเคสนี้ ตำรวจบอกว่าดำเนินคดีไม่ได้เพราะเป็นเยาวชน แต่เท่าที่ผมฟังมาคือ ผู้ใหญ่ทำร้ายเด็ก สามารถดำเนินคดีได้ เบื้องต้นผมก็ประสานร้อยเวร พร้อมเข้าไปที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจให้รอร้อยเวรอย่างเดียว ผมจึงลงพื้นที่สอบถามน้องที่ถูกกระทำ จากการได้รับข้อมูลน่าจะมีคนพยายามปิดบังเรื่องนี้ จริง ๆ เรื่องราวนี้ควรเผยแพร่ไป เรื่องนี้อาจจะมีนอกมีในกันช่วยเหลือกัน อยากให้ผู้เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยกัน ขนาดโล่งศพยังไม่มีเงินซื้อเลย คนตายพอเขารู้เรื่อง เขาก็เครียด แล้วเขาก็ไม่รู้กฎหมาย อยากให้หน่วยงานเข้ามาดูแลน้อง สนับสนุนน้อง บ้านก็ยากจนมาก และระแวงเรื่องความปลอดภัยด้วย แต่ตัวเองก็ต้องยอมดำเนินคดีเพื่อพ่อ เพราะพ่อทำเพื่อเราถึงที่สุด 

ด้าน พ.ต.ท. อภิชาต ปานแพร รองผู้กำกับ สอบสวน สภ.สองพี่น้อง กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะเป็นการเข้าใจผิด วันที่เรียกมาไกล่เกลี่ยนั้น พนักงานสอบสวนได้ถามผู้เสียหายว่ายินยอมให้ปรับเงิน 1,000 บาท กับผู้ต้องหาหรือไม่ ซึ่งผู้เสียหายไม่ยินยอม ขอให้ดำเนินตามขั้นตอน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว อีกทั้งทางผู้เสียหายได้ร้องขอไกล่เกลี่ยอีกครั้งในวันนี้ ขณะที่พนักงานสอบสวนยืนยันได้อธิบายให้ผู้เสียหายเข้าใจทุกขั้นตอนแล้ว ซึ่งการเสียค่าปรับดังกล่าวนั้น เป็นการปรับทางผู้ก่อเหตุฝังเดียวเท่านั้น จึงต้องถามผู้เสียหายว่ายินยอมให้ปรับหรือไม่ หากผู้เสียหายไม่ยินยอม พนักงานสอบสวนก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป 

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สองพี่น้อง ได้เชิญทั้ง 2 ฝ่ายมาไกลเกลี่ย ผลปรากฎว่าทางผู้เสียหายไม่ยินยอมให้พนักงานสอบสวน ปรับผู้ก่อเหตุ 1,000 บาท ทางพนักงานสอบสวน จึงรวบรวมพยานหลักฐานส่งฟ้องศาล ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป โดยแจ้งข้อหาใช้กำลังทำร้ายโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

ทั้งนี้ มีกำหนดฌาปนกิจศพพ่อของน้องในวันที่ 3 ก.ค.67 ณ วัดบางบอน ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ‘อีจัน’ ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยนะคะ