ศาลให้ประกันตัว อดีตสามี “แอม ไซยาไนด์”-ทนายพัช เงินประกันคนละแสน

รอดนอนคุก! ศาลให้ประกันอดีตสามี แอม ไซยาไนด์ กับทนายพัช เงินประกันคนละแสน ระหว่างอุทธรณ์คดี

หลังจากวันนี้ (20 พ.ย.67) ศาลอาญามีคำพิพากษาคดีแอม ไซยาไนด์ วางยาพิษ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย โดยพิพากษาประหารชีวิต นางสรารัตน์ หรือแอม ไซยาไนด์ จำเลยที่ 1 และพิพากษาจำคุก พ.ต.ท.วิฑูรย์ หรืออดีตสามีแอม ไซยาไนด์ จำเลยที่ 2 รวม  1 ปี 4 เดือน และจำคุก น.ส.ธันย์นิชา หรือทนายพัช  จำเลยที่ 3 รวม 2 ปี โดยไม่รอลงอาญานั้น

ต่อมาทนายความของ พ.ต.ท.วิฑูรย์ และ น.ส.ธันย์นิชา หรือทนายพัช ได้ยื่นขอคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี

ศาลพิจารณาคำร้องแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวทั้งสองไป โดยตีราคาประกันคนละ 100,000 บาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

สำหรับคำพิพากษาคดีแอมไซยาไนด์ เป็นคดีที่พนักงานอัยการ โจทก์และนางสาวทองพิณ เกียรติชนะสิริ โจทก์ร่วมยื่นฟ้อง นางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ จำเลยที่ 1 พ.ต.ท.วิฑูรย์ จำเลยที่ 2 นางสาวธันย์นิชา จำเลยที่ 3 ในความผิดฐานต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ก่อให้เกิดอันตรายแก่ประชาชน ความผิดต่อชีวิต ชิงทรัพย์ กรณีเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2566 จำเลยที่ 1 เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์นางสาวศิริพร หรือก้อย ขันวงษ์ ผู้ตาย โดยนำสารไซยาไนด์ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายตาม พ.ร.บ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ทำให้ผู้ตายหมดสติและถึงแก่ความตาย จากนั้น ได้ชิงทรัพย์ของผู้ตายรวม 9 รายการ มูลค่า  154,630 บาทไป ภายหลังเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ได้พูดยุยงก่อให้จำเลยที่ 2 กระทำผิดฐานช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง ทำลาย ซ่อนเร้น ฯ ทรัพย์สินของผู้ตายอันเป็นพยานหลักฐานในการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 เพื่อมิให้จำเลยที่ 2 ส่งทรัพย์สินดังกล่าวแก่ทายาทผู้ตายหรือพนักงานสอบสวนสืบสวนคดีอาญา โดยจำเลยทั้ง 3 ให้การปฏิเสธ

ศาลอาญามีคำพิพากษาโดยสรุปว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 236 ประกอบ มาตรา 238, 289(4)(6),339 วรรคท้าย ฐานปลอมปนอาหาร ยาหรือเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นใดเพื่อบุคคลอื่นเสพ หรือใช้และการปลอมนั้นเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย, ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น, ฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก้ความตาย อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1 และให้จำเลยที่ 1 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินที่ยังไม่ได้คืนให้แก่โจทก์ร่วมจำนวน 95,200 บาท กับให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมด้วยจำนวน 2,343,588 บาท

จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 ฐานเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิดให้จำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 2 ปี คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกเป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน

จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 ประกอบ มาตรา 84 ฐานเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิดให้จำคุกจำเลยที่ 3 เป็นเวลา 2 ปี

 ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งให้ริบขวดยาที่บรรจุสารไซยาไนด์ 1 ขวด ของกลางด้วย