
นิติเวชฯ รพ.ตำรวจ และกองพิสูจน์หลักฐานกลาง แถลงความคืบหน้า ผลการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล เหตุตึก สตง.ถล่ม เผย ระบุตัวตนได้แล้ว 33 ราย
วันนี้ (17 มิ.ย. 68) ศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล โดย พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. และ พล.ต.ต.วิรุฬห์ ศุภสิงห์ศิริปรีชา ผบก.นต.รพ.ตร. แถลงผลการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล เพื่อระบุตัวตนผู้เสียชีวิต และส่งคืนร่างให้กับญาติ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา

พล.ต.ต.วิรุฬห์ เผยว่า ศูนย์ปฏิบัติการฯ ได้ทำตามกระบวนการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล โดยมีการเก็บข้อมูลผู้สูญหายและDNAจากญาติ จำนวน 97 ราย เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับศพที่ถูกส่งมายังสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ โดยตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ จนถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 20 วัน มีศพถูกส่งมาพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล จำนวน 41 ราย และชิ้นส่วนศพ 96 ชิ้น

ซึ่งล่าสุด สามารถพิสูจน์ยืนยันเอกลักษณ์บุคคลได้แล้วจำนวน 33 ราย ประกอบด้วย คนไทย 22 ราย เมียนมา 10 ราย และกัมพูชาอีก 1 ราย ในจำนวนนี้ได้คืนร่างให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตไปแล้ว 21 ราย
และเปิดเผยอีกว่า การพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สามารถตรวจทำได้โดยการตรวจจากลายนิ้วมือ DNA และข้อมูลทันตกรรม แต่เนื่องจากขณะนี้ เวลาผ่านมานานกว่า 20 วัน การตรวจจากเนื้อเยื่อ หรือลายนิ้วมือนั้นยากขึ้น สภาพไม่คงเดิม อาจต้องพิสูจน์ DNA จากการตรวจกระดูกแทน ซึ่งจะใช้เวลานานขึ้นประมาณ 1-2 วัน

ซึ่งในเหตุการณ์ อาคารสตง.ถล่ม มีแรงงานต่างด้าวที่เป็นแรงงานแฝงจำนวน 10 ราย และมีญาติบางส่วนไม่สามารถเดินทางมาเก็บ DNA ไว้ได้ ในส่วนของผู้สูญหายที่เป็นชาวต่างชาติ พล.ต.ต.วาที เผยว่า ทางศูนย์ปฏิบัติการฯ ได้ดำเนินการร่วมกับ สถานทูตไทย ในเมียนมา ให้เก็บตัวอย่าง DNA จากญาติ แล้วส่งกลับมาตรวจพิสูจน์กับ DNA ผู้เสียชีวิต ที่สถาบันนิติเวชอีกครั้ง

การดำเนินการค้นหา และกู้ซากอาคาร จะยังดำเนินต่อไปพร้อมๆ กับการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล เพื่อให้ทุกคน ได้กลับบ้าน อีจันเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกคนนะคะ และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยค่ะ