เอาจริง! สูบ “บุหรี่ไฟฟ้า” ในที่สาธารณะ ปรับ 5,000 บาท

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ แถลงผลงาน 2 สัปดาห์ กวาดล้าง “บุหรี่ไฟฟ้า” ยึดได้กว่า 1.2 ล้านชิ้น-มูลค่า 231 ล้านบาท – เตือนสายควันเจอสูบบุหรี่ไฟฟ้าในที่สาธารณะ พร้อมปรับ 5,000 บาท

กวาดล้างครั้งใหญ่ เจอพร้อมจับ..

(19 มี.ค. 68) นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พลตำรวจโทอัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร, นายวรณัฎฐ์ หนูรอต ที่ปรึกษาด้านการปกครอง กระทรวงมหาดไทย  นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย  รองเลขาธิการคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน, นางสาวทรงศิริ จุมพล รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมแถลงผลความคืบหน้า “การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า”

นางสาวจิราพร กล่าวว่า สืบเนื่องจากข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ตนเองร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการคุมเข้มและปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน ทั้งนี้ ได้เชิญ 20 หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องประชุมอย่างเร่งด่วน  ซึ่งการประชุม แบ่งการทำงานเป็น 3 ส่วน คือ ระยะเร่งด่วน ปูพรม กวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นสินค้าผิดกฎหมาย เน้นการดำเนินการในพื้นที่ชายแดนและด่านศุลกากร โดยเพิ่มมาตรการตรวจเข้มขึ้น  และใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทุกกรณีที่จับได้จะไม่มีการระงับคดี และจะส่งต่อไปยังกรมสอบสวนกลางเพื่อดำเนินการต่อ  ในส่วนของข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อสืบสวนเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการยึดทรัพย์ต่อไป เพื่อให้การปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายมีประสิทธิภาพสูงสุด 

นางสาวจิราพร กล่าวต่อว่า การปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้ายังครอบคลุมถึงการขยายผลในหลายด้าน เช่น การตรวจสอบร้านค้าที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ และร้านค้าออนไลน์ที่ทำให้เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่าย ซึ่งในเรื่องนี้มีหน่วยงานหลายภาคส่วนร่วมมือกัน อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตรวจสอบร้านค้าออนไลน์ที่มีการขายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มข้น หากพบกรณีที่มีมูลค่าของกลางเกิน 500,000 ชิ้น จะถูกส่งต่อไปยังสำนักงาน ปปง. ทันที แต่หากมูลค่าของกลางต่ำกว่า 500,000 ชิ้น ทางตำรวจจะดำเนินการสืบทรัพย์และส่งให้ สำนักงาน ปปง. เพื่อดำเนินการต่อไป  นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมยังได้ดำเนินการปิดกั้นเพจหรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการขายบุหรี่ไฟฟ้า ประมาณ 9,500 เพจแล้ว 

ขณะที่ความคืบหน้ามาตรการเร่งด่วนโดยเฉพาะการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าและกวาดล้าง นางสาวจิราพรกล่าวว่า นับจากวันที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า (25 ก.พ. 68) ได้เริ่มดำเนินการทันที โดยมียอดในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 18 มีนาคม 2568  ยอดการจับกุมดำเนินคดี  จำนวน 1,741 คดี, ผู้ต้องหาจำนวน 1,789 คน, ของกลางจำนวน 1,285,024 ชิ้น, มูลค่าจำนวน 231,881,074 บาท นอกจากนี้ มีการส่งข้อมูลไปยัง ปปง. เพื่อสืบเส้นทางการเงินและขยายผลการจับกุมไปถึงต้นตอรายใหญ่

พ.ต.ท. อัคราเดช กล่าวว่า ผลการปฏิบัติปี 67 มีการจับกุมกว่า 1,400 ราย ของกลางกว่า 1.6 ล้านชิ้น มูลค่า 300 กว่าล้านบาท ซึ่งปี 2568 นี้ ไฮไลต์อยู่ในช่วงรัฐบาลดำเนินการเข้มงวดกวดขัน มีการจับกุมปราบปรามเพิ่มขึ้นช่วง 26 ก.พ. – 18 มี.ค. สามารถจับกุมได้ 1,700 ราย ของกลางกว่า 1 ล้านชิ้น เป็นการจับกุมรายใหญ่ 24 ราย ของกลาง 1.2 ล้านชิ้น ชิ้นซึ่งมูลค่าของกลางคำนวณได้กว่า 248 ล้านบาท

พร้อมย้ำถึงข้อกฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งห้ามนำเข้า ขาย ครอบครอง และสูบ โดยมีโทษตามกฎหมายที่ชัดเจน ดังนี้ 1.ห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับ 5 เท่าของมูลค่าสินค้า 2.ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 600,000 บาท 3. ห้ามครอบครอง บุหรี่ไฟฟ้า ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับ 4 เท่าของมูลค่าราคาอากร 4.ห้ามสูบ บุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่สาธารณะหรือเขตปลอดบุหรี่ ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท