“สนธิ-ปานเทพ” ยื่นสภาทนายความ  สอบ “ทนายตั้ม-ทนายเดชา”

“สนธิ-ปานเทพ” ยื่นสภาทนายความ สอบ “ทนายตั้ม-ทนายเดชา” ปมจรรยาบรรณ-พฤติกรรมฉาว

จากปม “ทนายตั้มฎ กล่าวอ้างว่าเงิน 71 ล้านบาท เศรษฐีนี ชื่อ “เจ๊อ้อย” ให้โดยเสน่หา มาวันนี้เรื่องราวบานปลายไปสู่การฉ้องโกงเงิน 71 ล้าน และ 39 ล้านบาท

ล่าสุด วันนี้ (21 พ.ย.67) นายสนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโส พร้อม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สื่อมวลชน และคณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกสภาทนายความฯ เพื่อให้สอบพฤติกรรมของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม และนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ว่าทำผิดมรรยาททนายความหรือไม่

นายสนธิ เปิดเผยว่า วันนี้ ตัวเองเดินทางมาที่สภาทนายความใน 2 เรื่อง เรื่องแรก คือมากล่าวโทษกล่าวหาการกระทำของนายษิทรา ว่า เข้าข่ายผิดจรรยาบรรณของทนายความหรือไม่ และขอให้คณะกรรมการมรรยาททนายความพิจารณาดำเนินการ พักใบอนุญาตทนายความหรือถอดถอนใบอนุญาตทนายความ

ส่วนเรื่องที่ 2 คือตัวเองมายื่นหนังสือกล่าวหานายเดชา ว่าทำผิดจรรยาบรรณ เนื่องจากมากล่าวหาตัวเอง ว่าฉ้อโกง โกงเงินธนาคาร เรียกรับเงินจากบริษัทเอกชน โดยไม่มีหลักฐาน ส่วนตัวเชื่อว่าการเข้ายื่นเรื่องในวันนี้ตัวเองจะได้รับความเป็นธรรม

ขณะเดียวกันนายสนธิ ยังระบุว่า ภายในเดือน ธ.ค.นี้ตัวเองจะนำหลักฐานไปยื่นให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของนายษิทราว่ามีการเสียภาษีกรณีการรับเงินจาก น.ส.จตุพร หรือ เจ๊อ้อย ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ เพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินค่าว่าจ้างไม่ใช่การให้โดยเสน่หา ซึ่งขณะนี้ น.ส.จตุพร ได้ทำเอกสารมอบอำนาจทางกฎหมายให้ตัวเอง ดูแลเรื่องคดี และตัดสินใจในการดำเนินคดีทั้งหมด จากการพูดคุยครั้งสุดท้ายยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาและจะเดินหน้าอย่างเต็มที่

ด้านนายปานเทพ เปิดเผยว่า วันนี้ตัวเองเดินทางมาให้ข้อมูล กับสภาทนายความและสื่อมวลชน ในประเด็นเกี่ยวกับพฤติการณ์ของทนายตั้ม ที่มีการทำสัญญาในลักษณะที่เปิดให้มีการปลอมแปลง หรือเปิดให้มีการดัดแปลงเนื้อหาในภายหลังได้

นอกจากนี้ ยังเตรียมยื่นหลักฐาน ให้ตำรวจพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม เกี่ยวกับข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร เนื่องจากพบว่ากลุ่มของทนายตั้ม มีการร่วมกันก่อเหตุมากกว่า 5 คน ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นการตั้งกลุ่ม เพื่อฉ้อโกงและกระทำความผิด ตัวเองจึงอยากให้ตำรวจสอบสวนกลางพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม