บอร์ด ท่องเที่ยว สร้าง ความเชื่อมั่น ทำ ประกันภัย นักท่องเที่ยวต่างชาติ

บอร์ด ท่องเที่ยว แห่งชาติ เห็นชอบแนวทาง สร้าง ความเชื่อมั่น นักท่องเที่ยวต่างชาติ จัดหา ประกันภัยคุ้มครองทุกราย พร้อมเกาะติดสถานการณ์ ท่องเที่ยวไทย จาก ผลกระทบ โควิด

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้มอบหมายให้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ประชุมได้ติดตามสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยว ความคืบหน้าของมาตรการการช่วยเหลือผู้ประกอบการและแรงงานได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ตลอดจนพิจารณาอนุมัตินโยบายด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ

ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่เข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยผ่านกลไกต่าง ๆ โดยเฉพาะการมีประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยว โดยจะพัฒนาด้านต่าง ๆ รวมถึงการจัดหาประกันภัยนั้นจะมาจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีแหล่งเงินจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยว

ที่ประชุมจึงได้เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 300 บาท ต่อคนต่อการเข้ามาประเทศไทยในแต่ละครั้ง เพื่อสมทบในกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้จ่ายในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว รวมถึงจัดให้มีการประกันภัยแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติระหว่างท่องเที่ยวภายในประเทศไทย โดยจะจัดเก็บรูปแบบออนไลน์ ซึ่งจะได้จัดทำรายละเอียดต่อไป

ภาพจาก : ทำเนียบรัฐบาล



ขั้นตอนหลังจากนี้ให้สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ดำเนินการจัดทำประกาศกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจัดเก็บในรายละเอียด แล้วนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป นอกจากนี้ ที่ประชุมได้อนุมัติปรับปรุงมาตรฐานการท่องเที่ยวตามที่คณะอนุกรรมการจัดทำมาตรฐานการท่องเที่ยว ภายใต้คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งชาติเสนอ เพื่อให้มาตรฐานการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะสถานการณ์ที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงปรับปรุงระยะเวลาการรับรองมาตรฐานให้เหมาะสมเนื่องจากบางมาตรฐานให้ระยะเวลาสั้นเกินไป

ปัจจุบันประเทศไทยมีมาตรฐานการท่องเที่ยวทั้งหมด 56 มาตรฐานสำหรับที่จะมีการปรับปรุงมีทั้งหมด 5 มาตรฐาน ประกอบด้วย 1. มาตรฐานด้านที่พักเพื่อการท่องเที่ยว ประเภทโรงแรม 2.มาตรฐานที่พักแบบพำนักระยะยาว 3. มาตรฐานห้องน้ำสาธารณะเพื่อการเที่ยว 4. มาตรฐานบริการอาหารเพื่อการท่องเที่ยว และ 5. มาตรฐานสถานที่จำหน่ายของที่ระลึกเพื่อการท่องเที่ยวประเภทสินค้าอัญมณี

สำหรับการปรับปรุงด้านระยะเวลาการรับรองนั้น จากทั้งหมด 56 มาตรฐาน จะมีการปรับปรุงระยะเวลารับรองมาตรฐานให้เหลือ 2 กลุ่มคือ กลุ่มรับรองให้ 3 ปี และ 1 ปี จากเดิมที่มี 3 กลุ่ม คือกลุ่มที่รับปรุงให้ 1, 2 และ 3 ปี ซึ่งภายหลังปรับปรุงนั้นจะทำให้กลุ่มที่ได้รับการรับรอง 3 ปี มีทั้งหมด 54 มาตรฐาน และได้รับการรับรอง 1 ปีมี 2 มาตรฐาน

รวมถึงได้เห็นชอบ แผนการพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. 2564 – 65 ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการท่องเที่ยวภายหลังสถานการณ์โควิด-19 เตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวปรับตัวเข้ากับการท่องเที่ยววิถีใหม่

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในส่วนของวาระเพื่อทราบอื่น ๆ สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รายงานให้ที่ประชุมทราบถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวของไทยในปี 2563 (ม.ค.-ธ.ค.) ว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับสถานการณ์ทั่วโลกซึ่งได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19โดยนักท่องเที่ยวทั่วโลก (ม.ค. – ต.ค.63) ลดลง 900 ล้านคน หรือลดลง 72% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามายังประเทศไทยอยู่ที่ 6.69 ล้านคน ลดลง 33.21 ล้านคน หรือ ลดลง 83.22% ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยที่เที่ยวในประเทศ ตลอดทั้งปีอยู่ที่ 90.32 ล้านคน-ครั้ง ลดลง 82.42 ล้านคน-ครั้ง หรือลดลง 47.71%

การลดลงดังกล่าวส่งผลต่อรายได้ของผู้ประกอบการและลูกจ้างในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทำให้รัฐบาลได้เร่งออกมาตรการให้ความช่วยเหลือผ่านการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีผลบังคับแล้วหลายมาตรการทั้งการกระตุ้นการท่องเที่ยว มาตรการด้านภาษี เช่น การลดภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ลดภาระดอกเบี้ยจ่ายของผู้ประกอบการ ส่งเสริมเสถียรภาพการจ้างงาน มาตรการลดภาระทางการเงิน เช่น การลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม การให้สิทธิประโยชน์จากการว่างงาน การขยายเวลาจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟแก่ผู้ประกอบการโดยไม่คิดดอกเบี้ย ตลอดจนมาตรการด้านการเงินที่ครอบคลุมทั้งผู้ประกอบการและลูกจ้าง และขณะนี้มาตรการเพิ่มเติมต่าง ๆ ก็ได้ทยอยเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เพื่ออนุมัติ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าโครงการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist Visa (STV) ซึ่งโครงการได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 2563 ซึ่งตามโครงการมีขั้นตอนการยื่นเอกสาร การตรวจคัดกรอง การกักตัวที่เข้มงวดก่อนอนุญาตให้ท่องเที่ยวในประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 11 ม.ค. 2564 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติประเภท STV เข้ามายังประเทศไทยผ่านการดำเนินการของบริษัท ลองสเตย์ จำกัด แล้ว 1,114 คน เฉพาะเดือน ม.ค. 2564 มีนักท่องเที่ยวแจ้งความประสงค์เดินทางเข้าประเทศไทย 123 คน

“ที่ประชุมได้รับรายงานให้ทราบถึงความคืบหน้าความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนภายใต้มาตรการรับท่องเที่ยวกลุ่ม STV เพื่อให้การท่องเที่ยวยังเดินหน้าไปได้ควบคู่กับการดูแลความปลอดภัยที่เข้มงวด โดยทราบว่าปัจจุบันมีทั้งโรงแรมและโรงพยาบาลใน 10 จังหวัด ที่สามารถเป็น ASQ และ ALQ ตามโครงการได้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยร่วมกับภาครัฐและเอกชนจัดแพลตฟอร์ม ASQ Paradise ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจอง ASQ การช้อปปิ้งออนไลน์ การให้ข้อมูลก่อนเดินทางและกิจกรรมระหว่างกักตัวของผู้ร่วมโครงการ ซึ่งระบบที่พัฒนาขึ้นจะรองรับนักท่องเที่ยวเข้ามายังประเทศไทยได้มากขึ้นและปลอดภัย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว