
จากนายตำรวจหนุ่มอนาคตไกล “พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ ผกก.โจ้” สู่ “ข.ช.โจ้” และจบชีวิตตัวเองลงในห้องขัง เรือนจำคลองเปรม เมื่อเวลา 20.50 น. วันที่ 7 มี.ค.68
ย้อนชีวิต อดีต “ผกก.โจ้” จากคดีดัง สู่ “ข.ช.โจ้”
พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ อดีต ผกก.โจ้ เป็น ผู้กำกับ สภ. เมืองนครสวรรค์ เป็นข่าวดังจากคดีใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะจนผู้ต้องหาเสียชีวิต เหตุเกิดที่ สภ. เมืองนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 5 ส.ค.64
ภายหลังตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ จับกุมนายจิระพงษ์ หรือมาวิน พร้อมภรรยา ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ค้นพบยาบ้าจำนวน 1 แสนเม็ด จากจังหวัดชัยนาท จากนั้นนำตัวผู้ต้องหามาที่ห้องทำงานชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองนครสวรรค์
การสอบปากคำมี ผกก.โจ้ ร่วมสอบเพื่อขยายผล แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมเปิดเผย ผกก.โจ้ จึงนำถุงดำมาคลุมศีรษะนายจิระพงษ์ หรือมาวิน เพื่อเค้นสอบ จนผู้ต้องหาขาดอากาศกระทั่งเสียชีวิต และมีการนำร่างของผู้ต้องหาส่งโรงพยาบาล และปล่อยตัวผู้หญิง โดยห้ามบอกเรื่องราวทั้งหมดกับผู้อื่น เพื่อแลกกับการไม่ต้องถูกดำเนินคดี
การดำเนินการทางคดีเริ่มขึ้นจาก “ทนายตั้ม-นายษิทรา เบี้ยบังเกิด”
24 ส.ค.64 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน นำคลิปเหตุการณ์โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก โดยเป็นคลิปกล้องวงจรปิดที่ห้องทำงานชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองนครสวรรค์ ในคลิปเห็นชัดเจนว่ามีตำรวจหลายนาย ได้ทรมานผู้ต้องหา โดยเฉพาะ ผกก.โจ้ เป็นผู้ที่ใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหา และทำร้ายร่างกาย กระทั่งผู้ต้องหาเสียชีวิต
หลังจากที่คลิปดังกล่าวกลายเป็นกระแสดังในโลกโซเชียล สะเทือนวงการตำรวจ จนต่อมาศาลจังหวัดนครสวรรค์ได้หมายจับ ผกก.โจ้ กับพวกรวม 7 คน

26 ส.ค.64 ผกก.โจ้ เดินทางเข้ามอบตัว ต่อ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบช.ภ.6 ที่ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี และนำตัวกลับไปยัง สภ.เมืองนครสวรรค์ โดยในชั้นสอบสวน ผกก.โจ้ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
3 พ.ย.64 พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางรอง (ผบช.ก.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม ส่งสำนวนสอบสวนคดี เห็นควรสั่งฟ้อง “ผกก.โจ้ กับลูกน้อง” ในฐานความผิด 4 ข้อหา
1.เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
2.เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
3.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
4.ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต่ออัยการ
15 พ.ย.64 นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกฯ และนายวรินทร สาสนัส รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ร่วมแถลงข่าว สั่งฟ้องคดีทั้ง 4 ข้อหากับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ กับพวกรวม 7 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางแล้ว

19 พ.ย.64 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดสอบคำให้การ ผกก.โจ้ พร้อมพวก 7 คน ในคดีทำร้ายผู้ต้องหาคดียาเสพติด จนเสียชีวิต ซึ่ง อดีตผู้กำกับโจ้ และพวก ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำ โดย ผกก.โจ้ รับสารภาพข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ, ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ปฏิเสธข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน อ้างไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตาย
8 มิ.ย.65 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษา คดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.180/2564 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญาทุจริต 3 เป็นโจทก์ น.ส.จันทร์จิรา โจทก์ร่วมที่ 1 นายจักรกฤษณ์ โจทก์ร่วมที่ 2 ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ กับพวกเป็นจำเลยที่ 1-7 ศาลมีคำพิพากษาว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ จำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยทรมานหรือโดยกระทำ ทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5) ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ลงโทษประหารชีวิต

แต่จำเลยนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง หลังเกิดเหตุจําเลยทั้ง 7 พยายามช่วยเหลือผู้ตายโดยช่วยปั๊มหัวใจผู้ตาย และรีบนำตัวผู้ตาย ส่งโรงพยาบาล จนแพทย์ช่วยรักษาผู้ตายมีสัญญาณชีพและหัวใจกลับมาเต้น ก่อนที่ผู้ตายจะถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา มีการช่วยค่าปลงศพผู้ตายเป็นเงิน 30,000 บาท และวางเงินบรรเทาผลร้ายให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสองคนละ 300,000 บาท นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงลงโทษจำคุกตลอดชีวิต
7 มี.ค.68 เวลา 20.50 น.เจ้าพนักงานเรือนจำปฏิบัติหหน้าที่เวรพยาบาลได้แจ้งเหตุผู้ต้องขังเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ ข.ช.ธิติสรรค์ หรือ โจ้ อุทธนผล คดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อเสรีภาพ ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต
ทั้งนี้ อดีต ผกก.โจ้ จำคุกตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.64 ตามหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา รวมจำคุกในเรือนจำ 3 ปี 6 เดือน 13 วัน โดยกรมราชทัณฑ์รับตัว อดีต ผกก.โจ้ เข้าคุมขังเมื่อวันที่ 3 ก.ย.64
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :