
รวบแล้ว “ป๋าโจ๊กวัดเทพ” หนุ่มกระบะหัวร้อน ขับรถพุ่งชนและกระทืบคู่กรณีกลางเมืองภูเก็ต สารภาพ เสพยาไอซ์ก่อนก่อเหตุ เผยมีปัญหากับคู่กรณีเรื่องงาน

จากกรณีเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 25 เม.ย. 68 ได้มีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์ไล่ชนกันกลางถนนและทำร้ายร่างกายกันในพื้นที่ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ตนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด ในเวลา 19.00น. ของวันที่เกิดเหตุ ร.ต.ท.วัชรากร สุวรรณ รองสว.(สอบสวน) สภ.วิชิต ได้ติดตามตัว นายฉัตรชัย อายุ 46 ปี ผู้บาดเจ็บมาสอบปากคำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมนำรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ที่ถูกขับชน มาตรวจสอบ

พร้อมกันนั้น ชุดสืบสวนสภ.วิชิต ได้ติดตามจับกุม นายณัฐพล หรือป๋าโจ๊กวัดเทพ อายุ 34 ปี ผู้ก่อเหตุได้ที่บริเวณป่าต้นสนในพื้นที่ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต พร้อมยึดรถยนต์กระบะยี่ห้อเอ็มจี สีขาว และอาวุธมีด ที่ใช้ในการก่อเหตุ จากนั้น พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วยตำรวจ สภ.วิชิต ได้คุมตัวนายณัฐพล มาสอบสวน



พ.ต.อ.สมศักดิ์ เปิดเผยว่า หลังจากได้รับแจ้งเหตุ ชุดสืบสวนและสายตรวจ สภ.วิชิต ได้ลงพื้นที่จนสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ เบื้องต้น ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการทำงานร่วมกับผู้เสียหาย และจากการตรวจสารเสพติด พบว่ามีผลเป็นบวกสอบถามให้การว่า ได้เสพยาไอซ์มาก่อนที่จะก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งการก่อเหตุมีการไลฟ์สดในโซเชียล นับเป็นพฤติการณ์ที่รุนแรงมาก และไม่ควรเป็นแบบอย่าง
พ.ต.อ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เขาทำก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย และโทษค่อนข้างรุนแรงตามพฤติกรรมของการก่อเหตุ โดยเฉพาะการไลฟ์สดไปด้วย แสดงให้เห็นถึงเจตนา ในส่วนนี้พนักงานสอบสวนจะใส่ไว้ในสำนวนด้วย และจะมีการข้อกล่าว 6 ข้อ
โดยมีการแจ้งข้อกล่าวหา
-ทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
-ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ นั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น อันเป็นการกระทำโดยมีอาวุธ
-พาอาวุธ (ดาบ) ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือ โดยไม่มีเหตุสมควร
-ทำให้เสียทรัพย์
-ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน และขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
-เป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย

ขณะที่ นางอุมาพร แก้วมาก ภรรยาผู้เสียหาย กล่าวว่า ทั้งสองคนทำงานรับเหมาก่อสร้างด้วยกัน และก่อนเกิดเหตุในช่วงเช้า ทั้งคู่ยังโทรศัพท์คุยเรื่องงานกันอยู่ โดยผู้ก่อเหตุขอให้แฟนตนไปดูไซต์งานที่ป่าตอง แต่เขาปฎิเสธว่าจะไปให้ภายหลัง เนื่องจากจะต้องไปพบคู่กรณีที่สถานีตำรวจ เพราะก่อนหน้านี้มีอุบัติเหตุทำให้แฟนของตนขาหัก 2 ท่อน และยังไม่สามารถทำงานได้ รอให้อาการดีกกว่านี้ก็จะไปงานตามปกติ แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นอีกฝ่ายถึงได้ขับรถไล่ตามแฟนของตนและลงไปทำร้ายร่างกายอีก ส่วนที่บอกว่า แฟนตนไม่ยอมจ่ายเงินให้กับผู้ก่อเหตุนั้น คิดว่า ไม่น่าจะใช่ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยโอนให้อยู่ รวมถึงกรณ๊ที่พ่อของเขาป่วยอยู่ที่ จ.ราชบุรี ทางแฟนของตนก็เคยบอกไปว่า ให้ไปเยี่ยมพ่อได้เลยไม่ต้องกังวลทางนี้ จะรับผิดชอบเองแต่ขอเวลาให้ขาหายเจ็บก่อน ส่วนปัญหาจริงๆ นั้นตนก็ไม่ทราบ