อ.เจษฎ์ เฉลยแล้ว! ตัวขาวๆ ในถังขยะคืออะไร แนะ พบแพทย์ด่วน 

อันตรายถึงชีวิต! อ.เจษฎ์ เฉลยแล้ว ตัวขาวๆ ในถังขยะแม่ ที่แท้ คือพยาธิตัวตืด แนะ ห้ามซื้อยากินเอง ให้พบแพทย์ด่วน

ระวังไว้ให้ดี! ใครที่ชอบกินของดิบ เนื้อวัว เนื้อหมูดิบ หรือกึ่งดิบกึ่งสุก อาจจะเผลอกินถุงตัวอ่อนพยาธิได้ แล้วมันจะเติบโตในร่างกาย กลายเป็นตัวยาวเกาะอยู่ในลำไส้ หลุดออกมาพร้อมกับอุจจาระ  

จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์คลิปเจอสิ่งแปลกๆ สีน้ำตาลเหลืองๆ ยืดหดตัวได้ และมีหลายตัว อยู่ในถังขยะบนกระดาษทิชชู่ โดยระบุแคปชั่นว่า “เจอในถังขยะ ในห้องน้ำคุณแม่ครับ ตัวอะไรครับ” 

วานนี้ ( 24 ก.พ. 68 ) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ หลังจากที่ได้เห็นคลิปดังกล่าวก็ได้ออกมาโพสต์เฉลย ว่าสิ่งที่อยู่ในคลิปคือ พยาธิตัวตืด ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด  

โพสต์ระบุว่า 

“มันคือ ปล้องสุกของพยาธิตัวตืด ครับ” 

มีสมาชิกของกลุ่มเฟซบุ๊ค “นี่ตัวอะไร” โพสต์คลิปวิดีโอ ของตัวแปลกๆ สีออกน้ำตาลเหลือง ยืดหดได้ มีหลายตัว อยู่ในกองกระดาษทิชชู่ พร้อมตั้งคำถามว่า “เจอในถังขยะ ในห้องน้ำคุณแม่ครับ ตัวอะไรครับ” 

และก็ได้คำตอบกันเป็นเสียงเอกฉันท์ ว่าเป็น “ปล้องของพยาธิตัวตืด” ครับ ควรพาคุณแม่ ไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อทำการวินิจฉัยว่าเป็นพยาธิตัวตืดชนิดใด (ตืดหมู หรือตืดวัว) และทำการถ่ายพยาธิออก ก่อนที่จะเป็นอันตรายกว่านี้ (ไม่ควรซื้อยาถ่ายพยาธิกินเอง) ปกติ เคสแบบนี้ มักเกิดกับคนที่ชอบกินเนื้อวัวเนื้อหมูดิบ หรือกึ่งดิบกึ่งสุก แล้วอาจจะกินถุงตัวอ่อนของพยาธิ ในรูปของ “เม็ดสาคู” ในเนื้อดิบ เข้าไปเติบโตในร่างกาย กลายเป็นตัวยาวเกาะอยู่ในลำไส้ แล้วบางครั้งก็สลัดปล้องสุก หลุดออกมาพร้อมกับการถ่ายอุจจาระ 

ลักษณะของปล้องสุกของพยาธิตัวตืดเช่นนี้ สามารถเห็นได้ชัดเจนจากคลิปของเพจ ศูนย์วิจัยโรคปรสิต-parasitic disease research center ที่ให้คำอธิบายไว้ดังนี้  

“ปล้องพยาธิตืดวัว” 

ปล้องนี้เรียกว่าปล้องสุก เป็นส่วนท้ายของพยาธิตืดวัว ที่ทั้งตัวมีความยาวหลายเมตร ประกอบด้วยส่วนหัว ส่วนคอ ปล้องอ่อน ปล้องแก่ และปล้องสุก  

โดยส่วนปล้องสุกนี้ มักจะหลุดออกมาทางก้น อาการเหมือนปวดเบ่งอุจจาระ จะมีอาการคันก้นบ้าง ภายในปล้องสุกเต็มไปด้วยไข่จำนวนมาก  

หากใครเห็นแบบนี้ออกมา และชอบกินเนื้อวัวดิบ  แสดงว่าท่านมีพยาธิตืดวัว ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาต่อไป 

(เพิ่มเติมข้อมูลจากโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล)  

พยาธิตัวตืด (Tapeworm) 

เป็นพยาธิที่พบได้ทั่วโลก ชนิดที่พบบ่อยได้แก่ พยาธิตัวตืดหมูและพยาธิตืดวัว พยาธิตืดวัวจะพบได้บ่อยกว่าพยาธิตืดหมู โดยเฉพาะในประเทศที่มีการเลี้ยงหมู วัว ควาย และนิยมรับประทานทั้งหมู เนื้อวัว และเนื้อควาย 

ไข่  

 มีลักษณะกลมสีน้ำตาลเหลือง เมื่อหมูหรือวัวกินไข่ของพยาธิตัวตืดเข้าไป ไข่จะฟักเป็นพยาธิตัวอ่อนในลำไส้แล้วไชเข้ากระแสเลือดไปอยู่ในกล้าม เนื้อทั่วร่างกาย และอวัยวะอื่นๆ ของหมูหรือวัว ลักษณะเป็นถุงน้ำใสเล็กๆ ขาวๆ คล้ายเม็ดสาคู มีหัวของพยาธิอยู่ภายใน ซึ่งเป็นระยะติดต่อ เมื่อคนกินหมูหรือวัวที่มีเม็ดสาคู โดยไม่ปรุงสุก หรือสุกๆดิบๆ พยาธิตัวอ่อนจะโผล่หัวออกมา และเจริญเติบโตเป็นพยาธิ เต็มวัยเกาะติดอยู่กับผนังลำไส้เล็กโดยมีปล้องยาวออกไปเรื่อยๆ พยาธิตัวเต็มวัยทำ ให้เกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย เบื่ออาหาร รวมทั้งคลื่นไส้ อาเจียน และซีด จากภาวะโลหิตจาง 

พยาธิตัวเต็มวัย 

จะอาศัยอยู่ในลำไส้เล็กของคน จะใช้ส่วนหัวเกาะที่ผนังลำไส้ และปล่อยให้ลำตัวแขวน เคลื่อนไหวเป็นอิสระในลำไส้ พยาธิตัวตืดมีลักษณะตัวแบนๆ คล้ายเส้นบะหมี่ พยาธิตืดหมูมีขนาดเล็กและสั้นกว่าพยาธิตืดวัว โดยมีขนาดประมาณ 2-4 เมตร ส่วนพยาธิตืดวัวโดยปรกติจะมีขนาดยาว *5-10 เมตร พยาธิจะสลัด “ปล้องสุก” เป็นท่อนๆ ออก มาเป็นคราวปนออกมากับอุจจาระ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า บางครั้งปล้องพยาธิอาจไชออกมาจากรูก้น ทำให้คนไข้รู้สึกคันก้น ภายในปล้องพยาธิเต็มไปด้วยไข่ พยาธิ เมื่อปล้องพยาธิแตก ไข่จะออกมากับอุจจาระ และกระจายอยู่ตามพื้นดิน 

การติดโรค 

เมื่อคนกินไข่ของพยาธิตืดหมูที่ปนเปื้อนในอาหาร ผักสด ผลไม้ หรือน้ำเข้าไป หรือเกิดการขย้อน “ปล้องสุก” ของพยาธิตืดหมูที่อยู่ในลำไส้ กลับขึ้นไปในกระเพาะอาหาร จะทำให้พยาธิตัวอ่อนในไข่ฟักตัวออกมา แล้วไชเข้ากระแสเลือด ไปเติบโตเป็นถุงตัวตืด ลักษณะแบบเดียวกับเม็ดสาคูในเนื้อหมู สามารถพบตามกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย แม้แต่กล้ามเนื้อหัวใจ รวมถึงอวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย เช่น สมอง หรือบางครั้งอาจ คลำเป็นเม็ดๆ ใต้ผิวหนัง ส่วนพยาธิตืดวัว จะไม่ทำให้เกิดโรคถุงพยาธิตืดวัวในคน เนื่องจากพยาธิตัวอ่อนที่ฟักออกมาจากไข่พยาธิตืดวัว มักจะตายหากอยู่ในคน ทำให้ไม่เกิดอันตราย เหมือนกินไข่พยาธิตืดหมู 

“อาการของโรคถุงพยาธิตืดหมูขึ้นสมองมีได้หลายอย่าง แล้วแต่ว่าถุงพยาธิไปอยู่ บริเวณใดของสมอง และมีจำนวนมากน้อยเท่าใด ถ้ามีถุงพยาธิตืดจำนวนมาก ในสมอง อาจทำให้เสียชีวิตได้” 

อาการ 

ระยะแรกๆ มักจะไม่มีอาการ เมื่อมีพยาธิสะสมมากๆ เป็นเวลานาน จะทำให้เกิดอาการ เช่น ท้องอืด แน่นท้อง เจ็บบริเวณชายโครงขวา ออกร้อนบริเวณหน้าท้อง ถ้าปล่อยไว้นานๆ จะมีอาการอักเสบของท่อน้ำดี ตัวเหลือง ตาเหลือง ตับโต มีไข้ บางรายอาจกลายเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในตับ และอาจถึงตายได้ 

การรักษา  

การรักษาพยาธิตัวตืด ต้องใช้ยาเฉพาะสำหรับพยาธิ ยาจะทำลายผิวนอกของ พยาธิ และทำให้พยาธิเป็นอัมพาต ปกติหมอจะให้ยาตามน้ำหนักตัวของคนไข้ และมัก แนะนำให้คนไข้กินยาก่อนนอน เพื่อลดผลข้างเคียงของยาที่เกิดขึ้นในคนไข้ได้ เช่น วิงเวียน และคลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น  

คนที่เป็นโรคพยาธิตืดหมู ควรกินยาขณะท้องว่าง และกินยาระบายด้วย เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการขย้อนปล้องสุกของพยาธิกลับ เข้าไปในกระเพาะอาหาร ซึ่งจะทำให้เป็นโรคถุงพยาธิตืดได้ ในคนที่เป็นโรคถุงพยาธิตัวตืดในอวัยวะต่างๆ อาจไม่จำเป็นต้องรักษา ถ้าไม่มี อาการอะไร แต่ถ้าเป็นที่สมองและมีอาการ เช่น ชัก ปวดศีรษะมาก อาจต้องให้ ยารักษาหรือผ่าตัดตามความเหมาะสมเป็นพยาธิอย่าซื้อยากินเอง ควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษาให้ถูกวิธีนะครับ” 

รู้แบบนี้แล้ว หลีกเลี่ยงการกินของดิบ แนะนำให้กินอาหารที่สุกดีกว่านะคะ  

ขอบคุณข้อมูล : เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant