#ความหวังต่อยอดกำลังใจ
เมื่อวานนี้ 10 ธ.ค. 2563 ทีมอีเต้ยได้ร่วมกับอีจัน เดินทางไปมอบความสุขให้ น้องบอส เด็กชาย 5 ขวบ ป่วยมะเร็งต่อมหมวกไต ระยะสุดท้าย ที่ จ.ชัยนาท
พวกเราออกเดินทางกันแต่เช้า ไปแวะซื้อของสดที่ ตลาดสดไอยรา ได้ของไปทำอาหารให้น้องบอสและครอบครัวกินเพียบเลย เมนูพวกนี้รังสรรค์เมนูโดย เชฟน้องนุ๊ก หลังจากช็อปปิ้งเสร็จแล้ว ก็รีบบึ่งมุ่งหน้า จ.ชัยนาท ทุกคนในรถตื่นเต้นและมีความสุขมากที่จะได้ไปสร้างความสุขและทำอาหารมื้อพิเศษให้กับครอบครัวน้องบอส
พวกเราทุกคนก็เริ่มต้นด้วยการถามไถ่ ค่อยๆคุยกับน้องและแม่ คุยเรื่องราวตั้งแต่เริ่มต้นในวันที่ แม่เริ่มมีน้องบอส เกิดอะไรขึ้นบ้าง น้องเป็นยังไง แล้วอาการป่วยมันเกิดขึ้นมาได้ยังไง เรื่องราวมันค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก นาทีนั้นแม่แอนก็เริ่มร้องไห้ ตาต้าอีจัน ที่รับบทสัมภาษณ์แม่แอน ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ขอเบรกระหว่างสัมภาษณ์ ถอดแว่นตาแล้วร้องไห้ด้วย มันคงเป็นความรู้สึกของลูกผู้หญิงด้วยกัน
หลังเช็ดน้ำตาและปรับอารมณ์ได้แล้ว ก็เข้าสู่โหมดสัมภาษณ์กันต่อ ซึ่งเรื่องราวของแม่แอนและน้องบอส ยังคงวกวนอยู่ในความทุกข์ ทุกข์แล้วทุกข์อีกของคนเป็นแม่ ระหว่างที่การสัมภาษณ์ดำเนินไปตามความรู้สึกอัดอั้นของแม่แอนที่ได้ปล่อยออกมา เมย์ โปรดิวเซอร์อีเต้ย ที่ใส่แว่นตาดำนั่งฟังตั้งแต่แรก เพราะหวังจะให้แว่นดำอันนั้นช่วยปกปิดน้ำตา แต่ก็ปิดไม่มิดอีกแล้ว มันเป็นความรู้สึกจุกที่น้อยคนจะได้รับรู้ "คนคนหนึ่งจะต้องเจอความทุกข์ ที่ทุกข์แล้ว ยังทุกข์อีกได้มากขนาดไหน" เพราะเรื่องราวของแม่แอนช่างบีบหัวใจเหลือเกิน เกินกว่าที่ทีมงานอีเต้ยจะนั่งฟังได้อีก ถึงกับลุกออกไปจากตรงนั้น แล้วไปหลบเช็ดน้ำตาเงียบๆอยู่ข้างรถ
ผ่านไปสักพัก… เราก็ให้แม่แอนพาน้องบอสไปนอนดูการ์ตูน เพราะน้องเริ่มเหนื่อยและคงตกใจที่เห็นคนเยอะๆ เราก็แยกย้ายกันไปพูดคุยกับผู้คนที่มาเยี่ยมน้อง มาให้กำลังใจน้อง ก็มี น้องตู๋ ช่างภาพ เดินมาบอกว่า “เมื่อกี๊ผมเข้าไปถ่ายภาพน้องกับแม่แอน แม่แอนถามว่าทีมอีเต้ยมาด้วยเหรอคะ หนูก็อยากตามหาพ่อแท้ๆของหนูเหมือนกันค่ะ พลัดพราก 22 ปี” ทีมงานอีเต้ยรีบตรงเข้าไปหาแม่แอนและพูดคุยถึงเรื่องราวทันที
แม่แอน เล่าว่า เคยทักอินบ็อกซ์มาหาอีเต้ยนานมากแล้ว แต่ไม่มีการตอบกลับ (ต้องขอโทษแม่แอนอีกครั้งนะคะ เนื่องจากมีคนส่งเรื่องเข้ามาเยอะมากจริงๆ ข้อความอาจถูกทับลงไป ทำให้ดูได้ไม่ทั่วถึง) หลังจากนั้นก็เล่ากันต่อ แม่แอนเล่าว่า ตอนแม่แอนอายุ 2 ขวบ ยายบอกว่าพ่อเคยนั่งรถเมล์มาหาจากกรุงเทพ แต่ภาพจำของพ่อที่มีมันเลือนราง สิ่งเดียวที่จำได้เกี่ยวกับพ่อ คือความรู้สึกตอนที่พ่อมากอดเรา ทุกวันนี้ยังจดจำความรู้สึกนี้ได้อยู่ แล้วหลังจากนั้นพ่อก็ไม่ได้มาหาอีกเลย พอตัวเองอายุได้ 5 ขวบ แม่ของแม่แอนก็ป่วยเส้นเลือดในสมองแตก และเสียชีวิตลง ตอนนั้นที่ได้ไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล แม่แอนเล่าว่า เห็นสภาพของแม่ตัวเองแล้วก็นึกถึงพ่อ ว่าทำไมเขาไม่มาหาเราบ้างเลย ปล่อยให้เรากับแม่ลำบากแบบนี้ ก็รู้สึกโกรธพ่อมากๆ ที่ทิ้งพวกเราไป
หลังจากแม่ของแอนเสียชีวิต แม่แอนก็อาศัยอยู่กับยายเล็ก ซึ่งเป็นยายของแม่แอน อยู่ด้วยกันแบบแม่กับลูก จนโตขึ้นมา แม่แอนก็ได้เคยถามยายว่า พ่อไปไหน ยายบอกว่า พ่อชื่อเล่นว่าเล็ก ทำงานก่อสร้าง อยู่กรุงเทพ แถวบางขุนเทียน แม่แอนเคยอยากออกตามหาพ่อเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง ไม่รู้จักที่ไม่รู้จักทาง ก็เลยพักเรื่องตามหาพ่อไปก่อน จนตัวเองได้ตั้งท้องน้องบอส และคลอดน้องบอสออกมา ตอนนั้นน้องร่าเริงสดใส ตามวัยของเด็กๆทั่วไป แต่แม่และพ่อน้องบอสก็แยกทางกันในที่สุด แม่แอนเลี้ยงน้องบอสมาเองตลอด และมียายเล็กช่วยเลี้ยงด้วยอีกคน กระทั่งวันที่ไม่คาดคิดก็มาถึง… วันที่น้องบอสป่วย (ความทุกข์ถาโถมเข้ามาอีกหนึ่งเรื่อง) หลังดูแลน้องบอสมาถึงวันนี้ แม่แอนก็ยังคงมีความหวังที่จะตามหาคุณพ่อแท้ๆอีกครั้ง เพราะอยากเจอพ่อ และอยากให้พ่อได้เจอหลาน ก่อนที่จะไม่ทัน เพราะแม่แอนไม่รู้ว่าน้องบอสจะอยู่ได้ถึงวันไหน คำพูดนี้ทำหัวใจทีมงานอีเต้ยห่อเหี่ยวลงตามไปด้วย
แต่!!! ทีมงานอีเต้ยมาถึงที่ เรื่องนี้ปล่อยผ่านไม่ได้เลย ทีมงานอีเต้ยรีบรับเรื่องและสอบถามเบาะแสที่แอนมีเกี่ยวกับพ่อทันที แอนบอกว่าแอนมีใบเกิด มีชื่อพ่อและเคยมีรูปพ่อ แต่รูปพ่อมันหายไปแล้วเพราะบ้านเคยถูกรื้อ!!! อ่ะไม่เป็นไร งั้นขอดูใบเกิด โอเคคคค มีชื่อนามสกุลคุณพ่อ ทีมงานเก็บข้อมูลและโทรแจ้งน้องเต้ย (น้องเต้ยติดภารกิจ ไม่ได้มากับเรา) เราปรึกษากันและรับเคสของแอน
ทิ้งท้ายภาพบรรยายกาศทีมงานช่วยกันทำอาหารมื้อพิเศษให้กับครอบครัวน้องบอสกันจ้าาาา