บุรีรัมย์ปลูก ข้าวหอมมะลิ อินทรีย์ จาก ดินภูเขาไฟ

ชาวนารุ่นใหญ่บุรีรัมย์สุดเจ๋ง ใช้พื้นที่มรดกดิน ภูเขาไฟ ปลูก ข้าวหอมมะลิ ด้วยวิถีเกษตรประณีต อินทรีย์ คนกินสุขภาพดี คนขายรายได้งาม

ข้าวหอมมะลิ ข้าวที่เป็นดั่งความภูมิใจของชาวไทยของเรา ชื่อเสียงขจรขจายเลื่องลือไปทั่วโลกเลยล่ะค่ะ วันนี้ทีมอีจันของเราจะลงพื้นที่เพื่อพามาแนะนำข้าวหอมมะลิที่ปลูกในนาข้าวแบบ อินทรีย์ ที่ใช้หลักการเกษตรแบบ เกษตรประณีต ที่ บ้านผึ้งต้น ต.ในเมือง อ.เมือง บุรีรัมย์ กันค่ะ

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
จุดเริ่มต้นเกิดจากที่คุณวรวุฒิ โชคธนชาติ หรือพี่เข่ง อดีตนายแบงก์รุ่นใหญ่วัยเกษียณที่มีฝันว่าบั้นปลายชีวิตอยากจะมีอาชีพเกษตรกร เพราะชอบและสนใจด้านนี้มานานแล้ว พร้อมกับต้องการน้อมนำคำสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงร.9 มาประยุกต์ใช้ จึงได้จับมือกับภรรยาและครอบครัวใช้พื้นที่มรดกจำนวน 5 ไร่ตรงนี้เป็นนาปลูกข้าว โชคดีมากเลยค่ะ ที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ ดินภูเขาไฟ ที่มีแร่ธาตุและสารอาหารในดินมากทีเดียว
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
มีที่แล้ว มีความรู้แล้ว ปลูกอะไรดีล่ะ คิดกันไปมาหวนให้นึกถึงวัยเด็กที่กิน ข้าวหอมมะลิ แล้วมันยังอร่อยติดตราตรึงใจมา เลยคิดว่านี่ล่ะ ทางที่ค้นหา มาปลูก ข้าวหอมมะลิ ให้ดีให้หอมเหมือนที่เคยกินดีกว่า ซึ่งคิดไว้ว่าเบื้องต้นจะปลูกกินเอง ไม่ต้องเร่งผลผลิตอะไรเลยจะไม่ใช้สารเคมีในการปลูกทุกขั้นตอนเลยอย่างเด็ดขาด ว่าแล้วครอบครัวพี่เข่งก็จัดการเตรียมนาโดยจะใช้การปลูกพืชตระกูลถั่ว โดยพี่เข่งเลือกปลูกปอเทือง เมื่อถึงระยะออกดอกสวยงามก็จะใช้รถไถกลบเพื่อให้เป็นปุ๋ยธรรมชาติแก่ดินจากนั้นใส่ปุ๋ยคอกมูลสัตว์ทับไว้เพิ่มความสมบูรณ์ในดิน จากนั้นเมื่อถึงเวลาหว่านข้าว พี่เข่งจะต้องคัดข้าวหอมมะลิพันธุ์ กข.105 ที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งใน 100% จะได้ที่ดีที่สุดก็แค่ 30% ซึ่งนี่แหล่ะที่เราจะนำไปปลูก ในการหว่านข้าวทั่วไปจะหว่านแล้วให้ข้าวกระจายตัวแล้วเติบโตเอง แต่สำหรับนาของพี่เข่งแกเลือกใช้วิธีหยอดข้าว โดยใช้เครื่องเจาะหลุดเป็นแนวเดียวกันแล้วหยอกข้าวลงหลุมกลบ เมื่อข้าวโตจะเห็นได้ชัดเลยว่าข้าวเรียงสวยเป็นระเบียบ มีช่องว่าให้แสงแดดส่งถึงอย่างเพียงพอ รับรองได้ข้าวทุกต้นของที่นี่ได้ผลผลิตแน่นอนและมีคุณภาพสูง ในส่วนของการกำจัดศัตรูพืชหรือแม้แต่การบำรุงข้าว ไม่ใช้สารเคมีเลยสักขั้นตอน โดยจะใช้น้ำหมักจากผลไม้กับเนื้อปลามาฉีดพ่นข้าวเพื่อบำรุงข้าว จนถึงระยะพลับพลึงหรือระยะที่ข้าวแก่พร้อมเก็บเกี่ยวก็นำน้ำออกจากนา เก็บเกี่ยวเสร็จก็นำข้าวมาตากพร้อมสีข้าวและนำไปกินหรือจำหน่ายต่อไป อ้อ เรื่องน้ำในนานี่สำคัญมาก ๆ เลยนะคะพี่เข่งบอก เพราะน้ำที่ใช้ต้องขุดคลองไว้รอบนา จะไม่ใช้น้ำจากข้างนอกเลย ป้องกันสารพิษจากนาและจากที่อื่น ๆ ด้วย
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
พี่เข่งบอกด้วยว่าการทำเกษตรประณีตนั้นเอาเข้าจริง ลงทุนน้อยกว่าการทำเกษตรปัจจุบัน แต่จะต้องเสียแรงมากกว่าเท่านั้นเอง เปรียบการทำเกษตรประณีตเหมือนการติดกระดุมเสื้อ ถ้าเราติดให้ถูกแต่ต้นในก็จะเป็นไปตามกลไกของมันโดยที่ไม่ต้องเหนื่อยเลยล่ะค่ะ และเมื่อทีมงานอีจันได้ลองชิมข้าวหอมมะลิที่แกตั้งชื่อว่า ข้าวหอมหมื่นลี้ ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ของพี่เข่งแล้ว บอกเลยค่ะว่ามันดีมาก ดีจริง ๆ เพราะมันหอมจริงดั่งที่ว่า ก่อนเข้าปากหอมที่จมูก กินเข้าปากหอมในลำคอ ข้าวนุ่ม หนึบ มียาง ประทับใจมาก ๆ เหมือนตอนเด็ก ๆ ที่เคยได้กินเลยค่ะ และด้วยการปลูกอย่างเอาใจใส่ดี ปลูกแบบอินทรีย์ด้วยแล้ว ทุกคำที่กิน ข้าวหอมหมื่นลี้ เข้าไป มั่นใจได้เลยค่ะ ว่าปลอดภัยแน่นอน อยากให้ลูกเพจได้กินด้วยกันจังค่ะ
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
#ข้าวหอมมะลิ #ข้าวหอมหมื่นลี้ #อินทรีย์ #บุรีรัมย์