เมื่อวานนี้ (24 พ.ย. 63) ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กทม. นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงนโยบาย “ มะเร็ง รักษาได้ทุกที่ ที่มีความพร้อม ” ว่า รัฐบาล ต้องการพัฒนาคุณภาพการให้ บริการด้านการแพทย์ และ สาธารณสุข เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน และวางรากฐานให้ระบบ หลักประกันสุขภาพ ครอบคลุมทุกภาคส่วน ลดความเหลื่อมล้ำของระบบบริการ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรค มะเร็ง ให้ได้รับการบำบัดรักษาโดยเร็ว ลดความเจ็บปวด หรือประคับประคองให้มีชีวิตอย่างมีคุณภาพ ไม่ทุกข์ทรมาน ที่ผ่านมาก็มีนโยบายหลายเรื่อง เช่น การใช้สารสกัดกัญชา หรือก่อนหน้านี้ รัฐบาล ได้อนุมัติงบประมาณให้กับ โรงพยาบาลศูนย์ และ โรงพยาบาลทั่วไป ในทุกเขตสุขภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดูแลผู้ป่วย มะเร็ง และอนุมัติงบประมาณ 1,013 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องฉายรังสี จำนวน 7 เครื่อง ส่งมอบให้ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และโรงพยาบาลอีก 6 แห่งกระจายทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อลดการรอคอยการรักษา ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยอยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดหา และล่าสุดได้บูรณาการความร่วมมือระหว่าง กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลรามาธิบดี และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ด้านการบริการการให้ยาเคมีบำบัดที่บ้าน (Home Chemotherapy) สำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ให้ได้รับยาเคมีบำบัดได้โดยไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล
นาย อนุทิน กล่าวต่อว่า จากการขับเคลื่อนดังกล่าว ทำให้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศนโยบาย “ มะเร็ง รักษาได้ทุกที่ ที่มีความพร้อม ” ยกระดับ หลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ เพื่อให้ผู้ป่วย มะเร็ง เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพและมีความพร้อม ไม่แออัด และผู้ป่วยในไม่ต้องใช้ใบส่งตัวอีกต่อไป ซึ่งเป็นการบริหารจัดการระบบเพื่อสนับสนุนให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่าอย่างเหมาะสม ทั้งกรณีส่งต่อภายในเขตสุขภาพ หรือข้ามเขตสุขภาพ รวมทั้งมอบให้กรมการแพทย์ พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสนับสนุนระบบการส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยและระบบบริหารจัดการ ผู้ป่วย มะเร็ง ได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม บริการไร้รอยต่อ รวดเร็ว ลดเวลารอคิว