ภารกิจหาแม่รับให้ลูกช้างป่าห้วยขาแข้ง

เจ้าหน้าที่เตรียมหาแม่รับที่ จ.ลำปาง ให้ลูกช้างป่าห้วยขาแข้ง หลังพลัดหลงโขลงนาน 164 วัน โขลงแม่ช้างมารับก็ไม่ยอมกลับ ล่าสุดสุขภาพแข็งแรง ร่าเริง

นับตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. 63 ถึงวันนี้(9 ต.ค. 63) รวม 164 วันมาแล้ว ที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พบลูกช้างป่าห้วยขาแข้งพลัดหลงจากโขลงแม่ แล้วนำมาดูแลอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากทีมงานสัตวแพทย์ของกรมฯ ได้รักษาบาดแผลที่ข้อเท้าหน้าซ้าย โดยใช้เวลารักษานานถึง 45 วัน จนแผลหายดีเป็นปกติ จากนั้นจึงได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ให้ลูกช้างกลับไปอยู่อย่างเสรีในป่ากับโขลงแม่ให้ได้ ด้วยการสร้างคอกชั่วคราวในบริเวณที่เห็นร่องรอยเส้นทางของโขลงช้าง จนกระทั่งมีโขลงแม่ช้างวนมารับลูกช้างที่คอกชั่วคราวถึง 5 ครั้ง แต่ลูกช้างป่าก็ไม่ยอมเดินตามกลับไปกับโขลง ซึ่งทีมเจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามมาแล้วเป็นเวลานานร่วม 120 วัน

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
โดยรอบหลังสุดที่โขลงแม่ช้างเข้ามารับ คือเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 63 นับจากวันนั้นได้ 38 วันแล้ว จากนั้นไม่มีสัญญาณใดที่โขลงแม่ช้างจะวนมารับลูกข้างที่คอกชั่วคราว บริเวณหอต้นผึ้งอีก ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝน ในป่ามีอาหารอุดมสมบูรณ์ขึ้น ทำให้รอบของการวนกลับมาที่โป่งใช้เวลานานขึ้น ประกอบกับช่วงนี้มีมรสุมเข้ามาด้วย จึงมีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำในลำห้วยมีระดับสูงขึ้น ซึ่งช้างโขลงนี้มีลูกอ่อนด้วย จึงไม่เสี่ยงที่จะว่ายน้ำข้ามห้วยมาหาลูกช้างพลัดหลง
ภาพจากอีจัน
นายธนิตย์ หนูยิ้ม ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12(นครสวรรค์) ได้หารือกับนักวิชาการ รวมทั้งผู้บริหารของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทุกคนให้ความเห็นตรงกันว่า โอกาสที่ช้างโขลงแม่จะมารับและลูกช้างตามไปด้วยนั้น มีโอกาสน้อยมาก และเห็นว่าเพื่อความปลอดภัยของลูกช้าง ที่มีความเสี่ยงอาจถูกล่าโดยสัตว์ผู้ล่า และเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกช้าง ต้องรีบหาแม่รับ เพื่อให้ลูกช้างได้กินนมจากแม่ช้าง ลูกช้างจะได้มีสุขภาพที่ดี กระดูกได้รับแคลเซียมที่เพียงพอ ส่งผลให้ลูกช้างมีอายุยืนยาวขึ้น สำหรับขั้นตอนการหาแม่รับในขั้นแรก จะย้ายลูกช้างจากคอกเตรียมปล่อยกลางป่าลึกที่หอต้นผึ้ง ไปอยู่ในที่ปลอดภัย ดูแลง่าย คือที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เพื่อขุนให้ร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ พร้อมจะนำขึ้นรถบรรทุกไปหาแม่รับ และรีบประสานติดต่อหาแม่รับในเบื้องต้นหลายๆแม่ไว้ให้ได้ จากนั้นจึงจะนำลูกช้างไปเลือกแม่ที่เห็นว่าเข้ากันได้ดีสุด ให้ลูกช้างอยู่ด้วยกันที่นั่นอย่างน้อย 3 เดือน แล้วจึงประเมินผลร่วมกันกับหลายๆ ฝ่ายว่า จะปล่อยคืนป่าที่นั่น เพื่อเพิ่มพันธุกรรมที่หลากหลายของโขลงช้าง เป็นการช่วยลดความอ่อนแอที่เกิดจากผสมแบบเลือดชิด หรือจะนำกลับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งอีกรอบ
ภาพจากอีจัน
การปฏิบัติการเคลื่อนย้ายลูกช้างกลับสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 07.12 น. เมื่อวานนี้(8 ต.ค. 63) เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าดูแลลูกช้างที่หอต้นผึ้ง ได้นำลูกช้างเดินเท้าตามถนนจากหอต้นผึ้งผ่านเส้นถนนทางเข้าเขตฯ ด่านตรวจหน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งแฝก เป็นระยะทางราว 10 กิโลเมตร ไปยังคอกเดิมที่เคยเลี้ยงตอนพบครั้งแรก เป็นคอกขนาด 30 x 40 เมตร ที่เจ้าหน้าที่ได้ฆ่าเชื้อในพื้นที่ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระหว่างทางที่พาลูกช้างเดินไป ลูกช้างมีความร่าเริงมาก ตอนเปิดคอกให้ออกมาเดิน ลูกช้างแสดงอาการปีนป่ายคอก ดีใจ วิ่งนำออกมาที่ถนนในป่า เจ้าหน้าที่ต้องพากันวิ่งตาม จากนั้นเดินมาได้ 1 ชั่วโมง ถึงป้ายมรดกโลก น่าจะอ่อนแรงลง จึงไม่ยอมเดินต่อ ต้องหยุดพักให้น้ำและอาหารอีกรอบ และเดินต่ออีก ชั่วโมงที่สอง ไปหยุดตรงฝายข้ามน้ำเข้าสถานีเพาะเลี้ยง แต่ปริมาณน้ำสูงและน้ำไหลแรง จึงไม่สามารถข้ามตรงนั้นได้ จึงแวะให้ลูกช้างเล่นน้ำเพื่อผ่อนคลายจากการเดินระยะไกล หลังจากนั้นพาเดินอ้อมเข้าหลังสถานีฯ ไปยังคอกกัก ใช้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมง 30 นาที สุขภาพโดยทั่วไปของลูกช้าง แข็งแรง สมบูรณ์และร่าเริงมาก
ภาพจากอีจัน
ทั้งนี้ก่อนเคลื่อนย้ายลูกช้าง นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้โทรศัพท์สั่งการกำชับให้ นายธนิตย์ หนูยิ้ม ผอ. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12(นครสวรรค์) ให้ปฏิบัติการในการบริหาร ดูแล จัดการ และอนุบาลลูกช้าง ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ ประสานผู้รู้รอบด้านอย่างเคร่งครัด เน้นย้ำให้ลูกช้างปลอดภัย ไม่ต้องห่วงเรื่องงบประมาณ หากไม่พอให้รีบจัดทำโครงการของบประมาณเพิ่มมาทันที
ภาพจากอีจัน