สอบเข้ม! 1 ต.ค. 63 สปสช. แจ้งความ-ยกเลิกบัตรทองคลินิก-รพ. เพิ่มอีก 108 แห่ง

สปสช. แจงมาตรการดูแลประชาชน ปมยกเลิกสัญญาบัตรทองคลินิก-รพ.เอกชน เพิ่ม 108 แห่ง ชี้ ปชช. รับสิทธิ์รักษาตามเดิม

วันนี้ (29 ก.ย. 63) นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ แถลงข่าว ชี้แจงแนวทางบรรเทาผลกระทบประชาชนสิทธิบัตรทอง กทม. ก่อนยกเลิกสัญญาหน่วยบริการมีผล 1 ต.ค. 63 นี้ โดยเผยว่า ได้ตรวจสอบคลินิก และ รพ.เอกชน ล็อตที่ 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้แจ้งความและยกเลิกสัญญากับหน่วยบริการเอกชนจำนวน 108 แห่ง ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป

ภาพจากอีจัน

จากการยกเลิกสัญญาหน่วยบริการเอกชนในพื้นที่ กทม.ครั้งนี้ สปสช. ขอย้ำว่า สิทธิบัตรทองของประชาชนยังอยู่ เป็นการยกเลิกสัญญาคลินิก และ รพ.เอกชน แม้ว่าทำให้ประชาชนไม่มีหน่วยบริการประจำ แต่ประชาชนไม่ต้องมาลงทะเบียนเปลี่ยนหน่วยบริการ เพราะท่านจะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้ารับบริการที่หน่วยบริการใดก็ได้ในระบบบัตรทองระหว่างนี้ ซึ่ง สปสช. ได้เตรียมสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน นอกจากเชิญตัวแทนอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) ใน กทม. มารับฟังการชี้แจง และทำความเข้าใจกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว

“ขอย้ำว่าประชาชนที่ได้รับผลกระทบไม่ต้องไปลงทะเบียนหน่วยบริการใหม่ แต่ให้นำบัตรประชาชนไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐ หรือโรงพยาบาลในระบบบัตรทองได้ โดยตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลที่เข้าร่วมได้ที่ www.nhso.go.th รวมถึงเอกสารประชาสัมพันธ์ที่ สปสช.กำลังกระจายให้ชุมชน ขณะนี้ สปสช.เร่งดำเนินการหาหน่วยบริการใหม่ เพื่อให้ประชาชนได้เลือกลงทะเบียน โดยจะประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อให้การบริการเข้าสู่ระบบเดิมโดยเร็ว ต้องขอโทษประชาชนจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้”

ภาพจากอีจัน

ด้าน นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดจากการทุจริต และทำเป็นกระบวนการ เมื่อขยายการตรวจสอบทำให้ สปสช. ต้องดำเนินการเป็นมาตรฐานเดียว ทั้งคลินิกเอกชน 18 แห่ง 64 แห่ง และ 108 แห่ง โดย สปสช.ได้ตรวจสอบคลินิกเอกชนที่ร่วมคลินิกชุมชนอบอุ่นเรียบร้อยแล้ว และคงไม่มีมากกว่านี้ ซึ่ง สปสช.จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อไม่ให้ประชาชนถูกละเมิดสิทธิในการรักษาและคัดกรอง รวมถึงเงินภาษีของประชาชน แม้ว่าจะทำให้ประชาชนขาดหน่วยบริการประจำดูแล แต่สิทธิบัตรทองของท่านยังอยู่

“วันนี้สิทธิบัตรทองยังอยู่ ไม่ได้ถูกยกเลิก เพียงแต่ประชาชนจำนวนหนึ่งไม่มีหน่วยบริการประจำหรือหน่วยบริการรับส่งต่อ เป็นสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่เข้ารับบริการที่ใดก็ได้ มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบ 3 แสนคน ส่วนอีก 1.7 ล้านคนยังไม่มีผลกระทบ โดยขอให้ประชาชนส่วนนี้ยังไม่ต้องเร่งลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการใหม่ที่หน่วยบริการ เพราะจะทำให้หน่วยบริการเกิดความหนาแน่นและการบริการล่าช้าได้ หากต้องการตรวจสอบสิทธิสามารถทำผ่านระบบออนไลน์ได้
ทั้งนี้ สปสช.อยู่ระหว่างการเปิดรับสมัครหน่วยบริการใหม่ทดแทน โดยลดขั้นตอนและปรับเกณฑ์การประเมินที่เหมาะสม ไม่กระทบต่อคุณภาพ เมื่อได้หน่วยบริการแล้วจะเปิดให้ประชาชนเลือกหน่วยบริการประจำได้”

ภาพจากอีจัน