เตรียมสินเชื่อช่วยผู้เลี้ยงจระเข้

ช่วยผู้เลี้ยงจระเข้ รัฐฯ เตรียมทุ่ม 8,770 ล้าน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า คณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพประมงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะประชุมในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ เพื่อพิจารณาโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบการวงเงิน 8,770ล้านบาท ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวตั้งแต่สงครามการค้าสหรัฐ และจีน จนถึงการแพร่ระบาดของ COVID-19

ภาพจากอีจัน
โดยประเทศไทย มีเกษตรกรผู้เลี้ยงจระเข้ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มที่มีการเลี้ยงในระบบรวม 1,189,836 ตัว ในทุกภาคทั่วประเทศ 1,150 ราย ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าประจำปี 2562 ประกอบด้วย     ผู้เพาะเลี้ยง ผู้ค้าและผู้เลี้ยง (ครอบครอง) โดยเฉพาะขณะนี้มีจระเข้ขนาด 1.8 เมตรขึ้นไป (อายุ 3 ปี) ค้างในบ่อเลี้ยงของเกษตรกร ไม่น้อยกว่า 200,000 ตัว ซึ่งเป็นภาระให้กับเกษตรกรที่ต้องแบกรับต้นทุนค่าดูแลและค่าอาหาร ซึ่งจระเข้ไทยเป็นหนึ่งในจระเข้ที่นำมาทำผลิตภัณฑ์จากจระเข้ที่ดีที่สุดในโลก หากคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพประมงให้ความเห็นชอบก็จะเสนอ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ภาพจากอีจัน
ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการหารือกันในที่ประชุม ถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือการกระจายสินค้าจระเข้ และที่ประชุมได้เห็นชอบโครงการสินเชื่อ soft loan สำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการจระเข้วงเงินสินเชื่อ 8,770 ล้านบาท โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการจระเข้ไทย และรับซื้อจระเข้จากเกษตรกร ในช่วงปี 2563-2564 ประมาณ 150,000 ตัว ระยะปลอดชำระ 3 ปีเพื่อบรรเทาผลกระทบและสร้างเสถียรภาพของตลาดจระเข้ ซึ่งผลจากการประชุมจะนำเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพประมงในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ เพื่อเร่งดำเนินการออกสินเชื่อโดย ธ.ก.ส. และ บสย. ร่วมค้ำประกันสินเชื่อซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรผู้เลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบการของไทยผ่านวิกฤต COVID-19 ไปได้   
ภาพจากอีจัน
สำหรับการส่งออกจระเข้ทั้งตัวเป็น ผลิตภัณฑ์เนื้อและหนังจระเข้ในปี 2562 มีมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท และก่อนเกิดสงครามการค้าสหรัฐ-จีนมีมูลค่าส่งออกกว่า 6 พันล้านบาท โดยมีจีน ฮ่องกง สิงคโปร์และยุโรป เป็นตลาดใหญ่ของไทย