ศาลฎีกายกฟ้อง ชัยวัฒน์ คดีหมิ่นประมาท สมัคร ดอนนาปี

พลิก! ศาลฎีกายกฟ้อง คดีที่ สมัคร ดอนนาปี ฟ้อง ชัยวัฒน์ ฐานหมิ่นประมาท

ศาลฎีกายกฟ้องชัยวัฒน์ #คดีหมิ่นสมัคร #ชุดพรางนี้ยังได้ไปต่อ

วันนี้ (18 ส.ค. 63) ที่ศาลจังหวัดตาก นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่ อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ภรรยา ทนายความ และทีมพญาเสือ ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา คดีหมิ่นประมาท นายสมัคร ดอนนาปี จากเหตุให้ข่าวสัมภาษณ์สื่อมวลชน ในคดีที่นายสมัครถูกนายชัยวัฒน์จับในข้อหาบุกรุกป่ามิสก๊อก จังหวัดตาก

ภาพจากอีจัน

คดีนี้มีความน่าจับตาอย่างยิ่ง เนื่องจากจุดเริ่มต้นคดี นายชัยวัฒน์ ในตำแหน่งพญาเสือ (ตำแหน่งในขณะนั้นนั้น) ได้นำกำลังหลายฝ่ายทั้งจากกรมอุทยานฯ รอง รมน.จังหวัด เข้าจับกุมนายสมัคร ดอนนาปี อดีตผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ

ในคดีบุกรุกป่ามิสก๊อก นายสมัคร ปฏิเสธ และต่อสู้คดี ซึ่งต่อมาศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่านายสมัครมีความผิด บุกรุกพื้นที่ป่าเนื้อที่ 4 ไร่เศษ ศาลตัดสินให้จำคุก 3 เดือน แต่ให้รอลงอาญา มีโทษปรับ 5,000 บาท

ต่อมาศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

“จำเลยดำรงตำแหน่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารกรมอุทยานฯ แต่กลับจงใจกระทำความผิดเสียเองไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ป่าไม้ อันเป็นทรัพยากรสำคัญของประเทศ พฤติการณ์ณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง ศาลอุทธรณ์ตัดสิน ไม่ลงโทษปรับไม่รอการลงโทษจำคุก สรุปคือ คือให้จำคุก 3 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

ภาพจากอีจัน

ประเด็นที่ต้องจับตาดูจะไม่ใช่บทสรุปของคดีรุกป่าของนายสมัคร ที่รอฟังการตัดสินของศาลฎีกา แต่เป็นคดีที่สองที่เกิดขึ้นตามมา คือ คดีหมิ่นประมาท!!!

หลังถูกจับ นายสมัครได้ฟ้องนายชัยวัฒน์ ในคดีหมิ่นประมาท จากเหตุให้ข่าวทำให้เขาเสื่อมเสียจากกรณีถูกจับข้อหารุกป่า คดีหมิ่นประมาทนี้ก็สู้กันถึง 3 ศาล

#คำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย

#คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จำคุก

แต่ต่อมาศาลอุทธรณ์กลับคำพิพาษากลับให้นายชัยวัฒน์มีความผิด

“การให้ข่าวต่อสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโทรทัศน์ถึงข้อเท็จจริงในขั้นตอนของคดีไม่ใช่หน้าที่ของนายชัยวัฒน์การแถลงข่าวอาจเป็นการชี้นำสังคมและทำให้โจทก์ถูกมองว่าเป็นข้าราชการประพฤติตนไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจกท์มานั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 6 เห็นพ้องด้วย บางส่วน พิพากษาแก้เป็น นายชัยวัฒน์มีความผิดหลายกรรมต่างกันให้
ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด จำคุก กระทงละ 6 เดือน แต่การนำสืบมีประโยชน์ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก กระทงละ 4 เดือน รวม 3 กระทง เป็น 12 เดือนและไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษให้แก่จำเลย“

สรุปศาลอุทธรณ์ตัดสินให้จำคุก 12 เดือนโดยไม่รอลงอาญา

#ลุ้นศาลสุดท้าย #คำพิพากษาศาลฎีกา

และวันนี้เป็นวันที่ศาลฎีกาจะอ่านคำพิพากษาคดีนายชัยวัฒน์หมิ่นประมาทนายสมัคร ศาลอนุญาตให้เพียง โจทก์ จำเลยและทนายความเข้าฟังเท่านั้น

เวลา 9 โมงตรง นายชัยวัฒน์ ขึ้นไปฟังคำพิพากษา พร้อมภรรยาและทนายความ โดยมีทีมพญาเสือรอให้กำลังใจอยู่ด้านล่าง

40 นาทีจากนั้น นายชัยวัฒน์ก็เดินลงมาด้วยสีหน้าโล่งใจ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง ไม่เห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ และเชื่อว่า การให้ข่าว เป็นการทำงานเพื่อพิทักษ์ทรัพยากรของประเทศ ไม่มีการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด


“จำเลยที่หนึ่งให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ในรายการเจาะข่าวลึกทั่วไทย และวันที่ 14 กันยายน 2559 ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐ ในรายการถามตรงกับจอมขวัญ. ในลักษณะยืนยันข้อเท็จจริงว่า โจทก์ปลูกสร้างบ้าน บุกรุกป่าและครอบครองที่ดินของทางราชการโดยมิชอบจึงเป็นการกระทำ โดยสุจริต หาได้มีการเจตนาก่อนแกล้งใส่ความโจทก์แต่อย่างใดไม่

การให้ข่าวและให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์และสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ทั้ง 3 ครั้งดังกล่าวของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติตามหน้าที่โดยสุจริต

จำเลยที่ 1 …จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 ศาลฎีกาไม่เห็นพ้อง ด้วยฎีกาของจำเลยที่หนึ่งฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า…ให้ยกฟ้อง!!!

หลังทราบคำพิพากษา ญาติๆ ถึงกับหลั่งน้ำตากอดกันดีใจ รวมถึงทีมพญาเสือด้วย

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

ทั้งนี้นายชัยวัฒน์ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “เมื่อศาลเมตตาก็แปลว่า ชีวิตการทำงานผมได้ไปต่อ ที่ผมจงใจสวมชุดพรางมาฟังคำพิพากษาวันนี้ เพราะผมทำใจไว้ว่า อาจเป็นการสวมครั้งสุดท้ายก็ได้ แต่เมื่อผลคำพิพากษาออกมาเป็นยกฟ้อง ผมรู้แล้วว่า ผมยังต้องทำงานต่อไป และน้องๆ ที่เดินตามเส้นทางนี้ก็จะได้เรียนและรู้ว่า เส้นทางนี้ต้องเผชิญกับอะไรบ้าง”

ภาพจากอีจัน