จับ 3 ชาวกัมพูชา ลักลอบตัดต้นมะค่าโมง ขสป.พนมดงรัก

จับชาวกัมพูชา ลักลอบตัดต้นมะค่าโมงในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก สารภาพมีคนไทยเป็นนายทุน

เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก จ.ศรีษะเกษ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี เฝ้าปกป้องผืนป่า ป้องกันการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ ซึ่งตลอดระยะเวลา 3 เดือน ผู้พิทักษ์ป่ายังไม่ละความพยายามในการล้างบางแก๊งตัดไม้ โดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี ได้ลงพื้นที่ สั่งกับชับให้เฝ้าระวังพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

ภาพจากอีจัน

28 ก.ค. 63 เจ้าหน้าที่ได้จัดชุดเฉพาะกิจเข้าสืบสวนหาข่าวและเข้าปฏิบัติหน้าที่เพื่อซุ่มในพื้นที่บริเวณป่าด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือพนมพรู ท้องที่ ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ทับซ้อนป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งขวาห้วยศาลา เวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าที่ได้ยินเสียงเลื่อยโซ่ยนต์ดังขึ้นห่างจากจุดดักซุ่มประมาณ 300 เมตร จึงวางแผนและจัดแบ่งทีมเจ้าหน้าที่โอบล้อมพื้นที่ จนกระทั่งเวลา 01.45 น. ของวันที่ 29 ก.ค. 63 พบมีการวางสายการเข้าออกในจุดที่แปรรูปไม้มะค่าโมง รวมสามจุด เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปในพื้นที่ก่อนจับกุมชาวกัมพูชาได้ 3 คน คือ

1.นายเซือง ซาง อายุ 24 ปี
2.นายซาน ดี อายุ 16 ปี
3.นายเจีย ซะเปียเรียก อายุ 16 ปี

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

จากตรวจสอบที่เกิดพบเลื่อยโซ่ยนต์พร้อมบาร์เลื่อย จำนวน 2 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์อี่นๆ อีก 5 รายการ และพบไม้มะค่าโมงถูกตัดล้มลงวัดความโตของตอมีขนาด 500 ซม. พบไม้ที่แปรรูปแล้ว มีขนาดความยาว 2.20 ม. กว้าง 80 ซม.หนา 4 ซม. จำนวน 7 แผ่น และพบไม้ท่อนที่ยังไม่แปรรูป จำนวน 2 ท่อน รวม จำนวน 9 ท่อน/ แผ่น คิดเป็นปริมาตร 4.1086 ลบม. คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐ จำนวน 161,049 บาท

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

เจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 53 มาตรา 55(5) พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 11 มาตรา 48 มาตรา 69 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 และพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ.2559) มาตรา 26/4 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2511 มาตรา 11 พ.ร.บ เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 มาตรา 4 จึงจัดทำเรื่องราวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ขุนหาญ ดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้ จากการสอบสวนผู้ต้องหา ทราบว่าได้เข้ามาในพื้นที่ตามช่องอ้ายนาค เพื่อมาลำเลียงไม้ รวมจำนวน 30 คน มีเจ้าของเลื่อยโซ่ยนต์ชื่อ นายเอ แต่นายเอและพวกหลบหนีการจับกุมไปได้ รวม 27 คน นอกจากนี้ นายเอ ยังรู้จักกับชายไทยยังไม่ทราบชื่อ และเป็นผู้แจ้งเบาะแส เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ รวมถึงเป็นผู้ประสานงานในการเข้ามาแปรรูปไม้ในพื้นที่มาโดยตลอด ซึ่งขณะนี้เจ้าที่ได้ข้อมูลบางส่วนของชายไทยดังกล่าวแล้ว และจะประสานการดำเนินการเพื่อขยายผลต่อไป

ซึ่งแก๊งที่เข้ามาลักลอบตัดไม้นี้ เจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นแก๊งมอดไม้

ส่วนการเข้ามาทำไม้ เจ้าของเลื่อยโซ่ยนต์ จะเป็นผู้รับงานจากนายทุนฝั่งกัมพูชา และหาทีมในการแบกไม้ลงไปส่งให้ในช่องทางที่นัดหมายไว้ โดยเจ้าของเลื่อยจะได้รับค่าจ้าง 200 ดองล่าร์ พวกแบกจะได้รับค่าจ้าง ประมาณ 3,000 บาท ต่อคน

ภาพจากอีจัน