ครูเตะนักเรียน ลาออกแล้ว! แต่ยังต้องถูกสอบสวนทางวินัย

ลาออกแล้ว! ครูเตะนักเรียน แต่ทางโรงเรียนยังเดินหน้าสอบสวนต่อ – แม่ลั่นดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากกรณีครูทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนชาย ป.6 โรงเรียนแห่งหนึ่ง อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ด้วยการใช้เท้าเตะไปที่แผ่นหลัง ทุบ ชก เข้าที่หน้าอกและตีเข่าเข้าที่ท้อง จนเด็กรู้สึกแน่นหน้าอก หลังเด็กวิ่งเล่นภายในห้องเรียน ซึ่งต่อมา ผู้ปกครองได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.เสาไห้ ให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเอาผิดครูคนดังกล่าว
อ่านข่าวเก่า

ฉาววงการครู? แม่ ด.ช. เล่า ลูกชายถูกครูเตะ-ทุบอก เหตุ “วิ่งเล่น”


เกี่ยวกับเรื่องนี้ (24 ก.ค. 2563) ผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนประถมศึกษา ในพื้นที่ ต.หัวปลวก อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ทราบว่า หลังเกิดเหตุคณะครูและผู้ปกครอง ได้นำตัวเด็กชาย ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสระบุรี เบื้องต้นผลการตรวจของแพทย์ ระบุว่าไม่พบบาดแผลหรือสิ่งผิดปกติ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ผู้ปกครองจึงนำตัวเด็กกลับไปพักฟื้นที่บ้าน ก่อนเข้าแจ้งความ เพื่อเอาผิดครูคนดังกล่าว

ภาพจากอีจัน

แต่พนักงานสอบสวน ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหากับครูที่ก่อเหตุ เนื่องจากต้องรอผลตรวจจากแพทย์ยืนยันสภาพร่างกายอีกครั้ง พร้อมทั้งได้ส่งตัวเด็กชายไปตรวจสภาพร่างกายที่โรงพยาบาลเสาไห้ เพื่อยืนยันใบแพทย์ประกอบหลักฐานในการแจ้งข้อกล่าวหา

ส่วนเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ และ สำนักงานยุติธรรม จ.สระบุรี ได้เข้าสอบสวนข้อเท็จจริงพร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ ผู้ปกครองและเด็กชายดังกล่าว ตามสิทธิคุ้มครองเยาวชนและสวัสดิภาพเด็ก ที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปี

ภาพจากอีจัน

ผู้อำนวยการโรงเรียน เผยว่า ทางโรงเรียนได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย กับครูคนดังกล่าวแล้ว ส่วนจะเข้าข่าย กระทำความความผิดถึงขั้นรุนแรงหรือไม่ อยู่ที่คณะกรรมการจะสรุปอีกครั้ง ซึ่งหากพบว่าเข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรง ทาง สพฐ.สระบุรี ต้นสังกัด ต้องลงโทษยึดใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ถึงแม้ว่าครูที่ก่อเหตุจะยื่นใบลาออกจากโรงเรียนไปแล้ว

ส่วนทางคดีที่ผู้ปกครองแจ้งความไว้นั้น ทางตำรวจก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

ทั้งนี้ ทางโรงเรียนได้อนุมัติให้ครูคนดังกล่าว ออกจากตำแหน่งครูอัตราจ้าง โดยพ้นสภาพความเป็นครูไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (23 ก.ค. 2563)

ด้าน ผู้ปกครองของเด็กชาย รู้สึกโล่งใจหลังทราบข่าวว่า ครูที่ก่อเหตุยื่นใบลาออกแล้ว หลังจากนี้จะให้ลูกชายกลับไปเรียนหนังสือตามเดิม ส่วนการดำเนินคดีต้องให้ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป