เตรียมเอาผิด แก๊งโจ๋ยกพวกตะลุมบอนใน รพ.

รองโฆษก ตร. ลั่น!! จ่อเอาผิดวัยรุ่น 2 กลุ่ม ยกพวกตีกันใน รพ.

จากกรณีที่กลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายกันภายใน รพ.เมืองสมุทรปู่เจ้า จ.สมุทรปราการ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและทรัพย์สินของทางโรงพยาบาลได้รับความเสียหายนั้น

อ่านข่าวเก่า

ตีกันใน รพ. อีกแล้ว!! โจ๋ยกพวกไล่ทำร้ายคู่อริ หมอ-พยาบาล โดนด้วย


เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก สภ.สำโรงใต้ จ.สมุทรปราการ ว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 63 เวลาประมาณ 18.30 น. ตำรวจได้รับแจ้งเหตุกลุ่มวัยรุ่นยกพวกทำร้ายร่างกายบริเวณซอยโรงเหล็ก ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิด พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดป้องกันปราบปรามและชุดสืบสวน

ภาพจากอีจัน

จากการสอบปากคำเบื้องต้นทราบว่า กลุ่มคู่กรณีทั้งสองกลุ่มได้นัดเคลียร์ปัญหากัน แต่ตกลงกันไม่ได้จึงทะเลาะวิวาท ชุลมุนต่อสู้กัน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลวิภารามชัยปราการ ซึ่งต่อมาเสียชีวิต ส่วนอีก 2 ราย ถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้าสมิงพราย และ โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์

ต่อมาเวลาประมาณ 20.30 น. กลุ่มเพื่อนผู้เสียชีวิต ประมาณ 15-20 คน เกิดความไม่พอใจและรู้ว่ากลุ่มคู่อริได้มารักษาตัวที่โรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้าสมิงพราย จึงยกพวกกันมาล้างแค้นโดยใช้ไม้ เก้าอี้ ทำร้ายกลุ่มเพื่อนที่มาดูอาการผู้ได้รับบาดเจ็บและอุปกรณ์ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพรายได้รับความเสียหาย แล้วหลบหนีไป

ภาพจากอีจัน

รองโฆษก ตร. กล่าวต่อว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและพิสูจน์ทราบกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งในเบื้องต้นตำรวจจะดำเนินคดีกับทั้งสองกลุ่มในความผิดฐาน “ร่วมกันชุลมุนต่อสู้กัน เป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ” และ ดำเนินคดีกับกลุ่มที่ยกพวกมาทำร้ายภายในโรงพยาบาล ในความผิดฐาน “ร่วมกันบุกรุกสถานพยาบาลในยามวิกาล,ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ”

ภาพจากอีจัน

“การกระทำในลักษณะดังกล่าว ไม่สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะอาจกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ที่อยู่ระหว่างการช่วยเหลือรักษาผู้ป่วยรายอื่นหรือทำให้ทรัพย์สิน อุปกรณ์ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลได้รับความเสียหายได้ และอาจส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย หรือประชาชนรายอื่น ที่เข้ามาใช้บริการภายในโรงพยาบาล ซึ่งที่ผ่านมา ตำรวจได้นำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดทุกราย ดังนั้น การจะทำสิ่งใดขอให้มีสติ และใช้วิจารณญาณก่อนจะลงมือกระทำ เพราะเมื่อกระทำไปแล้วอาจนำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิต และทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้” พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าว