รวบหนุ่มรวมหัวกิ๊กสาว ทำร้ายแฟนเจ็บสาหัส อ้างปันใจให้ชายอื่น

ทำร้ายแฟนปางตายเพราะความหึงหวง ตำรวจรวบหนุ่มซ้อมแฟนสาวสาหัส อ้างปันใจให้ชายอื่น

30 มิ.ย. 63 ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 จับกุมตัวนายชนฑิภักร หรือพีท ญานนิลภงค์ อายุ 38 ปี ชาว จ.ตรัง ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส พร้อมของกลางรถยนต์ฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีเทา ทะเบียนลำปาง โดยจับกุมตัวได้กลางซอยสุขุมวิท 49 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.

การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายชนฑิภักร ได้ร่วมกันกับ น.ส.สุพัตรา หรือ ตาล ป้องคำศรี อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้ก่อนหน้านี้ ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย น.ส.ชลนิสา หรือชล อาลัยกลาง อายุ 25 ปี อาชีพเทรนเนอร์ประจำฟิตเนสแห่งหนึ่งย่านพร้อมพงษ์ เหตุเกิดที่ห้องพักย่านบางจาก ท้องที่ สน.พระโขนง จากนั้นพอรุ่งขึ้นวันที่ 15 มิ.ย.ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ช่วยกันพาตัว น.ส.ชลนิสา ในสภาพหมดสติ เบ้าตา 2 ข้างและใบหน้าบวมปูด ไปส่งที่ รพ.กล้วยน้ำไท ถนนพระราม 4 โดย นายชนฑิภักร ซึ่งกำลังคบหาอยู่กับ น.ส.ชลนิสา ได้สร้างเรื่องบอกแพทย์และติดต่อกับญาติๆ ของ น.ส.ชลนิสา ว่าฝ่ายหญิงแอบนอกใจไปมีชายอื่นและถูกฝ่ายชายผู้เป็นมือที่สามทำร้ายร่างกายมา พอนำตัวผู้เสียหายส่งถึงมือแพทย์ ทั้ง นายชนฑิภักร และ น.ส.สุพัตรา ก็แยกย้ายกันหลบหนีไป

ภาพจากอีจัน
ต่อมาแพทย์ได้วินิจฉัยอาการของ น.ส.ชลนิสา แล้วพบว่าตามร่างกายได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักหลายแห่ง โดยเฉพาะก้านสมองได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงต้องเข้ารับการผ่าตัด ขณะที่ นายชนฑิภักร และ น.ส.สุพัตรา ก็ไม่มีใครสามารถติดต่อได้ ญาติๆ ต้องจึงแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง เพื่อประสานฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ทั้งในห้องพักที่เกิดเหตุและสถานที่ทำงานของผู้เสียหาย พบว่า แท้จริงแล้วผู้ลงมือก่อเหตุคือ นายชนฑิภักร ทำไปเพราะความหึงหวง โดยมี น.ส.สุพัตรา ช่วยเหลือนำร่างผู้เสียหายไปส่งโรงพยาบาลและสร้างเรื่องหลอกญาติๆ ว่าผู้เสียหายถูกชายคนอื่นทำร้ายร่างกาย พนักงานสอบสวนจึงขออำนาจศาลออกหมายจับทั้ง 2 ราย กระทั่ง น.ส.สุพัตรา ถูกจับกุมตัวไว้ได้ก่อนในย่านอ่อนนุช เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา จากนั้นจึงจับกุมตัว นายชนฑิภักร ได้ขณะหลบหนีมากบดานในซอยสุขุมวิท 49
ภาพจากอีจัน
จากการสอบสวน นายชนฑิภักร ให้การยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เคยทำธุรกิจขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไอที แต่พิษโควิด-19 ทำให้ต้องเลิกกิจการ วันเกิดเหตุลงมือทำร้ายร่างกาย น.ส.ชลนิสา แฟนสาวที่เพิ่งคบหากันได้สักระยะจริง เพราะความหึงหวงที่จับได้ว่าเจ้าตัวไปพูดคุยกับชายอื่น จึงทุบตีและเอาศีรษะโขกพื้นไปหลายครั้งจนหมดสติ จากนั้นจึงเรียก น.ส.สุพัตรา แฟนอีกคนมาที่ห้องช่วยนำร่าง น.ส.ชลนิสา ขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาล และช่วยแต่งเรื่องว่า น.ส.ชลนิสา ถูกชายคนอื่นทำร้ายร่างกายมา พอถึงโรงพยาบาลแล้วตนยังได้ถ่ายภาพคู่กับ น.ส.ชลนิสา ซึ่งหมดสติอยู่บนเตียงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนแยกย้ายกับ น.ส.สุพัตรา ต่างคนต่างหลบหนี
ภาพจากอีจัน
นายชนฑิภักร กล่าวอีกว่า ทีแรกตนนั่งรถหลบไปกบดาน ที่ จ.ลำปาง ก่อนเช่าเอาไว้ขับเที่ยว กระทั่งสัญญาเช่ารถหมด จึงถอดจีพีเอสติดรถออกและขับรถจากลำปางกลับมากรุงเทพฯ หาขโมยป้ายทะเบียนรถหมวดจังหวัดกรุงเทพของชาวบ้านมาใส่เพื่อหลบหนีการติดตามจากบริษัทรถเช่า และตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่คิดว่าชุดจับกุมจะทราบความเคลื่อนไหวและติดตามมาจับกุมตัวได้ขณะกำลังตระเวนขับหาที่จอดซ่อนรถคันดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหา นายชนฑิภักร ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ก่อน นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ส่วน น.ส.ชลนิสา เหยื่อที่ถูกทำร้ายขณะนี้ยังคงหมดสติต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยมีเพื่อนร่วมรุ่นคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา #9 และศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี รุ่นที่ 22 ช่วยระดมทุนทรัพย์โอนเข้าบัญชี นางเทวี อาลัยกลาง ผู้เป็นมารดา เพื่อสนับสนุนค่ารักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง หากท่านใดต้องการช่วยเหลือสามารถโอนเงินเข้าที่บัญชีธนาคาร ธกส. เลขที่ 015212889978