(11 มิ.ย.63) ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น คุมตัวนายธันพิชา รอดหนองเข็ง หรือมายด์ อายุ 28 ปี ชาว อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.ขอนแก่น ในข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย จากกองบังคับการปราบปราม มาสอบสวนที่ สภ.เมืองขอนแก่น โดยมีพ่อและแม่พร้อมทั้งทนายความขึ้นไปรับฟังและสอบถามข้อเท็จจริง ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง จนมายด์รับสารภาพ ว่า ลงมือก่อเหตุใช้มีดแทงนายมานำ อำท้าว หรือ เปี๊ยก อายุ 27 ปี แฟนหนุ่มที่คบหากันมานานถึง 7 ปีจนเสียชีวิตจริง!
ภาพจากอีจัน
มายด์ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า หลังจากทำร้ายจนเสียชีวิต เธอได้หลบหนีด้วยรถไฟและรถโดยสารสาธารณะ ออกจาก จ.ขอนแก่นไปยัง จ.กาฬสินธุ์ เข้าอุดร พิษณุโลก เชียงใหม่ และมาที่ กทม. มาแบบไม่มีจุดหมายเดินทางไปเรื่อยๆ ด้วยความเสียใจ นำทองของตัวเองไปขายเพื่อประทังชีวิตจนกระทั่งถูกตำรวจตามจับกุมตัวได้
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ด้าน พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เผยว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง ในวันนั้นเธอและแฟนมีปากเสียงกันเรื่องหึงหวง เธอให้การว่า นายเปี๊ยกผู้เสียชีวิต โทรศัพท์หาหญิงอื่นต่อหน้า จนมีเรื่องทะเลาะกันในวันนั้น 4 ครั้ง ครั้งแรกก็มีโต้เถียงกันไปมาก่อนจะหยุดไป และครั้งที่สอง เธอไปหยิบมีดปลายแหลมมาเพื่อจะขู่โดยนายเปี๊ยกก็โต้ตอบจะบีบคอ แต่ก็หยุดไป กระทั่งนอนหลับไปและมีดปลายแหลมทิ้งอยู่บนเตียง ต่อมาทั้งคู่ตื่นมากลางดึกนายเปี๊ยกพยายามจะทำร้ายและบีบคอพร้อมบอกว่า “มึงจะฆ่ากูใช่ไหมที่เอามีดมา”
เธอจึงคว้ามีดคัตเตอร์ได้จากบนหัวเตียงมากรีดที่ใบหน้านายเปี๊ยกจนมีเลือดไหลออกมา และก็มีการทำแผลให้ก่อนจะแยกย้ายอยู่ใครอยู่มัน แต่ในครั้งที่ 4 นั้น เปี๊ยกลุกขึ้นมาและหาเรื่องต่อว่า จะฆ่าแล้วบีบคออย่างแรง เธอจึงคว้ามีดปลายแหลมที่อยู่บนเตียงแทงตอบโต้เข้าไปร่างกายของนายเปี๊ยก แต่ไม่รู้กี่ครั้งจนเปี๊ยกถอยและแน่นิ่งไป พอรู้สึกตัวมีสติ รู้ว่านายเปี๊ยกตายแล้วจึงทำแผลให้และนำเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดใส่ถุงดำไปทิ้งตอนช่วงเช้า ก่อนจะหลบหนีไปและถูกตำรวจจับดังกล่าว
ภาพจากอีจัน
คำให้การดังกล่าว เป็นแค่เบื้องต้น ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะได้ทำการสอบปากคำให้ละเอียดที่สุด ข้อกล่าวหานั้นหากสอบสวนพบว่า เข้าข่ายความผิดที่ร้ายแรงเพิ่มเติมก็จะแจ้งข้อหาเพิ่ม
และในวันนี้ (12 มิ.ย.63) ตำรวจนำตัวมายด์ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพในช่วงเช้าก่อนที่จะคุมตัวส่งฟ้องศาลฝากขังตามขั้นตอนต่อไป