สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2563 ครอบครัวของนายเก่ง อายุ 20 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ขอความเป็นธรรม หลังลูกชายและเพื่อนร่วมงานไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทรับซื้อซากเครื่องบินเพื่อส่งขาย แต่ขณะเดินทางขนซากเครื่องบิน รถขนซากเครื่องบินไม่สามารถผ่านสายไฟฟ้าได้ หัวหน้างานจึงให้ลูกน้องไปช่วยยกสายไฟฟ้าขึ้น จังหวะนั้น ทุกคนถูกไฟฟ้าดูด และนายเก่งเสียชีวิต แต่ไม่ได้รับการติดต่อเพื่อเยียวยาหรือรับผิดชอบจากบริษัทที่ทำงานใดๆ เลย นอกจากเงิน 30,000 บาท
นายติ่ง เผยว่า ตนมาทำงานมาปีเศษ ตั้งแต่อายุ 14 ปี
ต้องทำงานหนัก และต้องเสี่ยงอันตรายตลอด บางครั้งนายจ้างจะให้ใช้แม่แรงยกเครื่องบินเพื่อบรรทุกขึ้นรถเทรลเลอร์ซึ่งต้องใช้คนประมาณ 4 คน ใช้แม่แรงพร้อมๆ กัน แทนที่จะจ้างรถเครนมายก หากแม่แรงเกิดขัดข้องหรือทั้ง 4 คน เกิดมีใครผิดพลาดซากเครื่องบินอาจตกมาทับเสียชีวิตหรือเจ็บก็ได้ หนำซ้ำงานก็จะไม่เป็นเวลา บางวันทำตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงตี 1 ตี 2 บางวันกลางดึกนายจ้างก็ปลุกเรียกมาทำงาน ช่วงที่มีงานจะลาหยุดลาป่วยไม่ได้เลยต้องอดทนทำงานจนเสร็จ
ส่วนค่าแรงก็ไม่แน่นอนตกลงกันวันละ 500 บาท แต่พอถึงเวลาจริงๆ บางวันก็ได้ 100-200 บาท
ด้าน นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบในเรื่องการใช้แรงงานเด็กที่เสี่ยงอันตรายและผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.แรงงาน รวมถึงเรียกร้องค่าแรงที่นายจ้างยังจ่ายไม่ครบ พร้อมให้ประกันสังคมเรียกนายจ้างมาขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนด้วย เนื่องจากตรวจสอบแล้วพบว่า นายจ้างไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในระบบประกันสังคม
สำหรับการดำเนินคดี ได้ส่งเรื่องไปที่ศูนย์ความปลอดภัย จ.นครสวรรค์ เพื่อดำเนินคดีกับนายจ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้แรงงานเด็ก รวมถึงความปลอดภัยในการทำงาน
ทั้งนี้ การใช้แรงงานให้เด็กทำงาน นายจ้างจะมีโทษปรับ 4 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 2 ปี