ศาลสั่งพิจารณาคดีลับ! บรรยินกับพวกอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา

บรรยินกับพวก รวม 5 คน ปฏิเสธอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา เว้น 1 คนรับสารภาพทุกข้อหา ศาลสั่งพิจารณาคดีลับ

วันนี้(22 พ.ค. 63) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เวลา 09.30 น. ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในเรือนจำ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ คดีหมายเลขดำ อท.69/2563 อุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาอดีตเจ้าของสำนวนโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ เมื่อช่วงเดือน ก.พ. 63 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี จ.ที่ 1, นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี จ.ที่ 2 , นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี จ.ที่ 3 , นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี จ.ที่ 4 , นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี จ.ที่ 5 และ ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี จ.ที่ 6 เป็นจำเลยในความผิด 9 ข้อหา

ภาพจากอีจัน


1. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 289
2. ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย มาตรา 309,313
3. ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มาตรา 310
4. ฐานร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มาตรา 139,140
5. ฐานเป็นซ่องโจร โดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต มาตรา 210
6. ฐานร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป มาตรา 213
7. ฐานร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย มาตรา 199
8. ฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดี ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ.) มาตรา 150 ทวิ
9. ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน มาตรา 145 ประกอบ ป.อ.มาตรา 33,80,83,91,92
และยังยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 ข้อหาที่ 10 ฐานสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิและแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำผิดอาญา มาตรา 146

ภาพจากอีจัน
โดยอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 ได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 6 คน เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 63 ซึ่งจำเลยที่ 1-6 ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้ง 6 คน ฟังจนเป็นที่เข้าใจในพฤติการณ์และข้อหาที่ฟ้องแล้ว พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 , นายมานัส จำเลยที่ 2 , นายชาติชาย จำเลยที่ 4 , นายประชาวิทย์ หรือตูน จำเลยที่ 5 , ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด จำเลยที่ 6 แถลงยืนยันให้การปฏิเสธ โดยจำเลยที่ 4,5,6 ได้ยื่นคำแถลงเป็นเอกสารต่อศาลในวันนี้ ส่วน พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 และนายมานัส จำเลยที่ 2 จะยื่นคำแถลงเป็นเอกสารต่อศาลในวันนัดตรวจหลักฐาน ส่วน นายณรงค์ศักดิ์ จำเลยที่ 3 แถลงให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยทนายความจำเลยที่ 3 ขอยื่นคำให้การในวันนัดตรวจหลักฐาน ทั้งนี้ ศาลพิจารณาแล้ว เพื่อความสะดวกในการตรวจพยานหลักฐานและการพิจารณาคดี มอบหมายให้เจ้าพนักงานคดีแนะนำคู่ความและช่วยควบคุมให้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย หากพบว่ามีข้อบกพร่องหรือข้อขัดข้องเกี่ยวกับกระบวนพิจารณาหรือการได้มาของพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างอิงก็ให้รายงานต่อศาลพร้อมด้วยแนวทางแก้ไขโดยเร็ว โดยให้คู่ความยื่นบัญชีระบุพยาน , คำแถลงเกี่ยวกับประเด็นและความจำเป็นต้องสืบพยานรวมทั้งวิธีการให้ได้มาซึ่งพยานหลักฐานนั้นต่อเจ้าพนักงานคดีภายใน 30 วันนับแต่วันนี้ โดยเพื่อให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลและคู่ความในวันนัดตรวจพยานหลักฐานเป็นไปด้วยความรวดเร็ว และเพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่อยู่ในบริเวณศาล จึงเห็นสมควรให้พิจารณาเป็นการลับ โดยให้โจทก์ , พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 และทนายความจำเลยที่ 1-2 มาศาลอาญาคดีทุจริตฯ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานร่วมกับเจ้าพนักงานคดีในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. และให้นัดตรวจสอบพยานหลักฐานโดยศาล (แถลงรายละเอียดที่ได้สรุปบัญชีพยาน 2 ฝ่ายต่อหน้าศาล) ในวันเดียวกันที่ 22 มิ.ย.นี้ เวลา 13.30 น. โดยห้ามไม่ให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่ความเข้าอยู่ในห้องพิจารณา ยกเว้นบุคคลที่กฎหมายกำหนดเข้าอยู่ในห้องพิจารณา และให้โจทก์ , จำเลยที่ 2-6 พร้อมด้วยทนายความมาศาล เพื่อดำเนินการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานร่วมกับเจ้าพนักงานคดีในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. และให้นัดตรวจสอบพยานหลักฐานโดยศาล (แถลงบัญชีพยาน 2 ฝ่ายต่อหน้าศาล) ในวันเดียวกันที่ 25 มิ.ย.นี้ เวลา 13.30 น.โดยห้ามไม่ให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่ความเข้าอยู่ในห้องพิจารณาเช่นกัน
ภาพจากอีจัน
อย่างไรก็ดี หากคู่ความไม่มาในวันนัดตรวจหลักฐานดังกล่าว หรือไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลดังกล่าว ศาลจะพิจารณาตรวจพยานหลักฐานไปตามรูปคดีที่ปรากฏในสำนวนและตามรายงานของเจ้าพนักงานคดี