สะเทือนใจ! พ่อข่มขืนลูกนานกว่า 8 ปี จนท้อง ซ้ำบังคับทำแท้ง

ผกก.สภ.เมืองลำพูน เผยเรื่องราวสุดบอบช้ำ พ่อขืนใจลูกนาน 8 ปี จนท้อง ซ้ำร้ายบังคับทำแท้ง ผู้ต้องหาอ้าง ไม่เชื่อเด็กสาวเป็นลูกตัวเอง

วานนี้ (20 พ.ค. 63) เกิดเหตุสะเทือนใจขึ้นที่จังหวัดลำพูน เนื่องจากมีข่าวพ่อข่มขืนลูกสาว ตั้งแต่เด็กหญิงอายุเพียง 11 ขวบ จนเข้าสู่วัยสาวอายุ 18 ปี ก็เกิดตั้งท้อง ผู้เป็นพ่อจึงบังคับให้ทำแท้ง ทั้งกินยาสตรี ใช้ยาเหน็บ แต่ยังไม่แท้ง จนคนเป็นพ่อใช้แอลกอฮอล์ฉีดเข้าไปในอวัยวะเพศของลูกหวังทำแท้ง สุดท้ายสมใจคนเป็นพ่อ เธอแท้งลูก!

8 ปี กับความทรมาน เด็กสาวทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงเข้าร้องเรียนกับมูลนิธิสายเด็ก เรื่องถึงตำรวจ สภ.เมืองลำพูน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลขอออกหมายจับ และเข้าควบคุมตัวนายอภิชาติ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี เข้าสอบปากคำเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 63 ที่ผ่านมา

เกี่ยวกับเรื่องนี้ อีจัน ได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ขำแก้ว ผกก.สภ.เมืองลำพูน ได้ความว่า
ผู้ต้องหารายนี้ เคยติดคุกมาหลายครั้ง โดยก่อนจะติดคุก ภรรยาท้องลูกคนนี้ ได้ 2-3 เดือน หลังออกจากคุกมา ลูกสาวก็เริ่มโตแล้ว จากนั้นในเดือน พฤษภาคม ปี 2554 เด็กหญิงอายุได้ 11 ปี ถูกพ่อกระทำชำเราครั้งแรก ซึ่งขณะนั้นยังอยู่กินกับแม่ของเด็ก ภายหลังเกิดทะเลาะกัน แม่จึงหนีออกจากบ้านปล่อยให้อยู่กับพ่อ 2 คน ซึ่งเธอก็ถูกพ่อกระทำเรื่อยมา จนกระทั่งปี 2555 ผู้ต้องหาติดคุกอีกครั้งในข้อหาพยายามฆ่า ติดคุก 4 ปีกว่า หลังพ้นโทษออกมาก็มีภรรยาใหม่และมีลูกด้วยกันอีก 1 คน ซึ่งทั้งหมดอยู่ด้วยกัน

ภาพจากอีจัน
ในระหว่างที่อยู่กินกับภรรยาใหม่ ก็หาโอกาสพาลูกสาวคนโตของตนเองออกไปนอกบ้าน ไปป่าละเมาะเพื่อกระทำชำเรา สัปดาห์ละประมาณ 1-2 ครั้งแล้วแต่โอกาส บางครั้งก็ในบ้านหากภรรยาใหม่ไม่อยู่ จนกระทั่งปี 2562 เด็กสาวเกิดตั้งท้อง ผู้ต้องหาก็เอายามาให้เด็กทำแท้ง ดังกล่าว จนกระทั่งวันที่ 18 เมษายน 2563 เด็กสาวทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของผู้เป็นพ่อ จึงได้ขอความช่วยเหลือไปที่มูลนิธิสายเด็กที่เป็นเครือข่ายย่อยของมูลนิธิปวีณาฯ วันที่ 11 พ.ค.63 มูลนิธิสายเด็กจึงเข้าให้การช่วยเหลือเด็กสาว และพาเข้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังวัดลำพูน ก่อนจะติดต่อกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 14 พ.ค. เพื่อแจ้งความ เจ้าหน้าที่จึงได้นัดสอบปากคำและส่งเด็กไปตรวจร่างกาย ในระหว่างนี้เด็กสาวให้การว่า พ่อขู่จะฆ่าทั้งแม่ทั้งลูก และพ่อของตนทำงานรับจ้างส่งไปรษณีย์อยู่เชียงใหม่ พนักงานสอบสวนจึงใช้เวลา 4 วันในการรวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นต่อศาลขอออกหมายจับใน วันที่ 19 พ.ค. 63 และเข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ในที่สุด เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การว่า ตนไม่เชื่อว่าลูกสาวคนนี้เป็นลูกของตัวเองจริง เพราะกรุ๊ปเลือดของเด็กไม่ตรงกับของตน ซึ่งข้อมูลนี้ พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ เสริมว่า จะต้องดูในเรื่องของกฎหมายผู้สืบสันดานอีกครั้ง แต่ในเบื้องต้น ผู้ต้องหายังไม่ยอมให้ความร่วมมือแต่อย่างใด และไม่ให้การว่าศพของเด็กที่ถูกทำแท้งอยู่ที่ไหน พร้อมทั้งปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืนลูก และจะให้การในชั้นศาลอย่างเดียว ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาหลักๆ 3 ข้อหา คือ ข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี , กระทำชำเราเด็กอายุกว่า 13 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กเป็นผู้สืบสันดาน และทำให้แท้งลูกโดยเด็กนั้นไม่ยินยอมและไม่สามารถขัดขืนได้ อยู่ในภาวะจำยอม , ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือยอมจำนนต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายและเสรีภาพ จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขัง พร้อมทั้งคัดค้านการประกันตัว เพราะกลัวจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดี