รองต่อศักดิ์ ผุดไอเดียดี รับบริจาคมือถือมือสอง ช่วยเหลือน้องๆเรียนออนไลน์

ยังจำข่าวยายพาหลานเดินมาซื้อโทรศัพท์ราคาไม่เกิน 2,000 ได้ไหม ?
เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ในโลกโซเชียลเป็นวงกว้าง โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Jatupol Boriboon ได้โพสต์ว่า พบยายพาหลานเดินมาถามหาโทรศัพท์ราคาไม่เกิน 2,000 เพราะน้องต้องเอาไปใช้เรียนออนไลน์ แต่ยายมีเงินแค่ 2,000 เท่านั้น เจ้าของโพสต์จึงแนะนำคุณยายให้ลองไปดูเครื่องพร้อมโปร แต่ยายก็ต้องจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตทุกเดือนอยู่ดี

แต่หลังจากที่เฟซบุ๊กชื่อ Torsak Sukvimol ของ พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบช.ก. ได้อ่านโพสต์นั้นแล้ว ก็เกิดไอเดียดี ๆ ที่อยากจะช่วยเหลือคนไทย จึงอยากทำโครงการรับบริจาคโทรศัพท์มือถือมือสอง ยี่ห้อใดก็ได้ที่สามารถเล่นอินเทอร์เน็ตได้ เพื่อการศึกษาของเยาวชนไทยที่ครอบครัวไม่พร้อม รวมทั้งอยากจะประสานค่ายมือถือขอซิมเน็ต เพื่อการศึกษาฟรีจำกัดชั่วโมงอินเทอร์เน็ต โดยระบุว่า เพราะตอนนี้โรคระบาดก็ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน พ่อแม่ที่ไหนจะกล้าส่งลูกไปเรียนรวมกัน หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ ลูกคือแก้วตาดวงใจ สังคมไทยในปัจจุบันพ่อแม่ต้องไปทำงานหาเงินที่ต่างจังหวัดไปขายแรงงานต่างพื้นที่ ฝากลูกไว้กับตายายให้ต้องรับภาระแบบนี้จะเห็นได้ในต่างจังหวัด แล้วพวกเราในฐานะคนไทยจะช่วยเหลือเขาได้อย่างไรบ้างกับสถานการณ์ที่ต้องปรับตัวกันทั้งโลก อยากให้เพื่อนพ้องน้องพี่ช่วยกันออกความคิดเห็นในเชิงแก้ไขและพัฒนาเพื่อเด็กๆ อย่าตำหนิกัน มันจะเป็นประโยชน์ต่อเยาวชน เผื่อเสียงของพวกเราจะดัง และสื่อไปถึงครับ

ดูเหมือนโครงการรับบริจาคมือถือมือสองจะได้รับผลตอบรับที่ดี เพราะล่าสุด พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ ได้มาโพสต์เฟซบุ๊กอัปเดตอีกครั้ง โดยโพสต์ขอบคุณพี่น้องและเพื่อนๆ ที่ส่งมอบแทปเล็ท โทรศัพท์มือถือเครื่องเก่ามาให้ โดยระบุว่า เพราะสิ่งเหล่านี้มันคือกำลังใจของเด็ก ๆ และคุณครูในพื้นที่ห่างไกล การช่วยเหลือนี้เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเล็กน้อย แต่จะถูกส่งต่อให้กับเด็กที่เป็นพลังยิ่งใหญ่ของชาติในอนาคต อีกไม่นานระบบการศึกษาก็ต้องเข้าสู่ระบบออนไลน์อยู่ดี ถ้าไม่ยอมก้าวเท้าเดิน แล้วจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร

กับคำถามของสังคมที่ว่า เรียนออนไลน์ = เพิ่มภาระของผู้ปกครอง จริงหรือไม่นั้น คงไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ดีเท่ากับพ่อแม่ปู่ย่าตายายแล้ว ซึ่งในมุมมองของจัน สำหรับผู้ปกครองแล้วก็คงอยากให้ลูกหลานตัวเองได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด คงยอมทุ่มสุดตัวเพื่ออนาคตของพวกเขา แต่ก็คงไม่มีใครอยากที่จะมีภาระทางการเงินเพิ่มเติมหากไม่จำเป็นจริงๆ