วันนี้(15 พ.ค. 63) ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อเด็กและสตรี พาแม่ของ ด.ญ.แซน (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี เข้าพบกับ พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ติดตามคดีที่ลูกสาวถูกชายลวงว่าจะให้เงินหากถอดเสื้อผ้าให้ดู แต่กลับข่มขู่แบล็กเมล์เผยแพร่ภาพโป๊เปลือย
ภาพจากอีจัน
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 63 น้องแซน ร้องเรียนมายังเพจเฟซบุ๊กของมูลนิธิฯ เล่าว่า ได้เล่นเว็บไซต์หนึ่ง โดยมีการประกาศหาคนส่งเสียเรียนหนังสือ เรื่องจากแม่มีอาชีพค้าขาย แต่วิกฤติโควิดทำให้รายได้หดหายไปเยอะ จึงกลัวว่าจะไม่มีเงินเรียนหนังสือ กระทั่งมีคนร้ายติดต่อมาบอกว่าจะเป็นคนส่งเสียให้เรียนเอง โดยจะให้เงิน 18,000 บาท แต่ให้วิดีโอคอลกันก่อน ด้วยความดีใจ น้องแซน จึงตกลงวิดีโอคคอล ปรากฏว่าคนร้ายบอกให้ถอดเสื้อผ้าออกจึงจะได้เงิน น้องแซนจึงยอมถอดเสื้อผ้าตามที่คนร้ายบอก เพราะคิดว่าจะได้เงินมาแบ่งเบาภาระแม่จริงๆ จากนั้นคนร้ายบอกให้น้องแซนออกไปหา แต่น้องแซนรู้สึกกลัว จึงไม่ยอมออกไปตามนัด คนร้ายได้ส่งภาพโป๊เปลือยของน้องแซนมาข่มขู่ ว่าจะนำไปเผยแพร่ที่โรงเรียนของน้องให้อับอาย ด้วยความกังวลและไม่กล้าบอกแม่ น้องแซนตัดสินใจร้องเรียนมาขอคำปรึกษาที่มูลนิธิฯภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
หลังทราบเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ได้มีการติดต่อหาคุณแม่ของน้องแซนทันที เพื่อเป็นคนกลางเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะน้องแซนรู้สึกผิดที่ได้ทำพลาดไป และได้พาแม่กับน้องแซนมาแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 63 ซึ่งในระหว่างติดตามตัวคนร้ายนั้น ทางมูลนิธิฯ ได้รับน้องแซนมาดูแล เรื่องจากคนร้ายขู่ว่าจะมาหาถึงที่บ้านเพราะรู้ที่อยู่ของน้องแล้ว ต่อมา พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออกหมายจับคนร้าย เป็นชายวัย 39 ปี ในข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจาร เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ล่าสุดวันนี้(15 พ.ค. 63) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว ในพื้นที่ กทม. และนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ โดย พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ กล่าวว่า จากการจับกุมยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาได้ 1 เครื่อง ตรวจสอบพบภาพโป๊เปลือยของผู้เสียหาย และมีหญิงสาวรายอื่นด้วย ขอบคุณมูลนิธิฯ ที่ช่วยประสานเรื่องราวดังกล่าวมา และขอให้คุณแม่ของผู้เสียหายมั่นใจได้ว่า รูปภาพของผู้เสียหายจะไม่ถูกเผยแพร่ไปที่อื่นแน่นอน และเจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ชุดสืบสวนจะได้ทำการขยายผลต่อ หากพบว่ามีการทำเป็นขบวนการก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วยกันทั้งหมดต่อไป