ต้องยอมรับว่า ประเทศไทย ได้รับเสียงชื่นชมจากต่างชาติจำนวนมาก ถึงการความคุมสถานการณ์โควิด-19 ว่ามีการป้องกันอย่างรัดกุม จนทำให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มจำนวนไม่มากหากเทียบกับช่วงแรกที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
ภาพจากอีจัน
ล่าสุด 13 พ.ค. 63 ศาสตราจารย์ นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาโพสต์ถึงสาเหตุที่ประเทศไทยควบคุมสถานการณ์ได้ดี เพราะประเทศไทย ถอดบทเรียนจากประเทศจีน และไม่ยึดติดกับความเชื้อที่บอกว่า “โควิด-19 คือโรคหวัดธรรมดา” พร้อมทั้งคนไทยมีวินัยในการกักตัว เพราะตั้งแต่ 3 มกราคม 2563 จนกระทั่งเจอผู้ป่วยรายแรก เราก็มีการป้องกันคัดกรองเข้มงวด โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครหมู่บ้าน ติดตามผู้สัมผัสความเสี่ยงสูง และทำการกักกันตัวไว้ได้ทัน
ภาพจากอีจัน
อย่างไรก็ตาม เราจะรอดจากระลอกใหม่หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความตระหนักในการแพร่โดย “ไม่มีอาการ” อย่างเช่น ประเทศสิงคโปร์ ที่ให้ความสำคัญกับการแพร่ไร้อาการตั้งแต่ต้น และเป็นผู้นำในการตรวจหาแอนติบอดีย์ หรือ ภูมิในน้ำเหลือง ซึ่งแสดงสถานะของการติดเชื้อ ร่วมกับการตรวจหาเชื้อโดยวิธีพีซีอาร์ รวมทั้งถึงประเทศจีน หลังจากประเทศสะอาด ได้ตรวจแบบปูพรม 14 ล้านคน ใน 10 วัน ที่ อู๋ฮั่น หลังจากพบผู้ติดเชื้อใหม่แบบไม่มีอาการ 6 ราย โดยไม่สนใจกับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น แต่เพื่อให้ความมั่นใจสูงสุดว่าจะไม่มีการแพร่ต่อ ทั้งนี้ที่ นิวยอร์ก ได้ศึกษาจากคนที่เคยติดเชื้อ พบว่า มีภูมิขึ้นเกือบทั้งหมด และน่าจะเป็นหลักประกันเหมือนกับเป็นพาสสปอร์ตในการป้องกันโรค