กรม สบส. ชี้ วัคซีน-วิตามิน-โอโซน ต้านโควิด ยังไร้ผลรับรองทางการแพทย์

อธิบดีกรม สบส. เผย วัคซีน-วิตามิน-โอโซน ต้านโควิด ไร้ผลวิจัยรับรอง ผิดกฎหมาย หากคลินิกใดอวดอ้างสรรพคุณ


วันนี้ (30 เม.ย. 63) กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เผยว่า การฉีดวัคซีน วิตามิน หรือโอโซน ยังไร้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ หรือ งานวิจัยยืนยันว่าสามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 หาก รพ.เอกชน หรือคลินิกแห่งใดอวดอ้างว่าบริการดังกล่าวช่วยต้านโรค ถือว่าโฆษณาเกินจริงมีโทษตามกฎหมายทั้งจำและปรับ แนะประชาชนสร้างภูมิคุ้มกันได้ด้วยตนเอง เพียงเว้นระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือให้บ่อย ทำได้ง่ายแถมไม่เสียเงิน

ภาพจากอีจัน
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า มีสถานพยาบาลบางแห่งฉวยโอกาสจากความกลัวของประชาชน แอบอ้าง หรือทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อบริการของสถานพยาบาลว่าสามารถสร้างภูมิคุ้มกัน หรือรักษาอาการของโรคโควิด-19 อาทิ การให้บริการฉีดวัคซีน ฉีดวิตามิน หรือการให้โอโซน ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเป็นกังวลอย่างยิ่ง ดังนั้น เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ให้ได้รับบริการแพทย์ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และปลอดภัย กรม สบส.จึงได้ประชุมหารือร่วมกับ ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีความคิดเห็นตรงกันว่า การให้บริการ ฉีดวัคซีน ฉีดวิตามิน หรือการให้โอโซน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหรือต้านโรคโควิด-19 นั้น ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรืองานวิจัยที่ยืนยันได้แน่ชัด โดยปราศจากข้อโต้เถียงทางการแพทย์ว่า บริการทางการแพทย์ในลักษณะดังกล่าวสามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ประชาชนจึงควรหลีกเลี่ยงการรับบริการเพราะอาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ และการที่สถานพยาบาลชักชวนให้ประชาชนรับบริการโดยอ้างว่าสามารถป้องกันโรคได้นั้นยังถือว่าเป็นการโฆษณาเป็นเท็จโอ้อวดเกินจริงอีกด้วย
ภาพจากอีจัน
ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวต่อว่า สำหรับโทษของผู้ที่กระทำการโฆษณาเป็นเท็จโอ้อวดเกินจริงหรือน่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการของสถานพยาบาล ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ.2559 กำหนดให้ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาทจนกว่าจะระงับการโฆษณา ซึ่งต้องขอเน้นย้ำกับประชาชนว่า การรับบริการทางการแพทย์ประเภทใดก็ตามจะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน อย่าด่วนตัดสินใจด้วยคำโฆษณา หรือคำบอกเล่าจากบุคคลอื่น เพราะหากได้รับบริการทางการแพทย์ที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานแล้วนอกจากจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย ยังเป็นการเสียทรัพย์สินโดยไม่จำเป็น