24 เมษายน 2563 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย โดยมีตอนหนึ่งได้ตอบคำถามจากสื่อมวลชน ปัจจัยหรือมาตรการใดที่ทำให้ควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดได้ดี โดยดูจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของบ้านเราทำไมถึงดูมีจำนวนน้อย ว่า
ภาพจากอีจัน
- ได้แอดมิทแล้ว! สาวไทยในเนเธอร์แลนด์ป่วยโควิด-19
- สมาคมสภาคนพิการ ยื่นร้องเรียนคลัง ขอให้ช่วยจ่ายเยียวยา 5,000 บาท 3 เดือน
- จ.น่าน ประกาศผ่อนปรนมาตรการคุมโควิด 24 เม.ย. 63 ขายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าได้
“มาตรการต่างๆ ที่เราได้ทำมา ต้องบอกว่ามีหลายส่วนประกอบกัน ด้านหนึ่ง คือ ต้องให้ความสำคัญกับชุดข้อมูลแล้วเราก็นำชุดข้อมูลนั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับคนที่ติดเชื้อใช้ชุดข้อมูลนำมาบอกเล่าให้พี่น้องประชาชนรับทราบ เมื่อท่านทราบก็เข้าใจในสถานการณ์แล้วก็ร่วมแรงร่วมใจปฏิบัติตาม ขณะที่อีกด้าน คือ เรื่องของระบบบริหารจัดการ เรามีความภูมิใจมากๆ คือ ในประเทศไทยของเรา เรามีระบบสาธารณสุขที่วางไว้มาเป็น 100 ปี ได้ผลจากการที่เรามาใช้ประโยชน์จากตรงนี้ รวมถึงประชาชนที่ให้ความร่วมมือกับเรา ฉะนั้นเครดิตตรงนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนใดคนหนึ่งเลย แต่เป็นเรื่องของคนทุกคนที่ต้องได้รับรางวัลของความสำเร็จนี้ไปพร้อมๆ กัน”
ภาพจากอีจัน
ส่วนเรื่องการผ่อนคลายมาตรการจะมีขึ้นเมื่อใดนั้น นายแพทย์ทวีศิลป์ เผยว่า ผู้ตัดสินใจสูงสุดในการผ่อนคลายมาตรการก็คือ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าศูนย์ ศบค. ที่จะต้องเอาเข้า ครม. ในการที่จะประกาศ ซึ่งจะเป็นในลักษณะของการออกกฎใหญ่ทั้งประเทศ ถ้าจะต้องผ่อนปรนหรือคลายมาตรการทีมคณะกรรมการที่ดูแลผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่มีสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้ดู ก่อนเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา
ภาพจากอีจัน
“สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถูกคิด ถูกตรอง ปรึกษากันอย่างรอบด้าน ออกมาแล้วคนส่วนใหญ่ต้องเห็นด้วย ออกมาแล้วมาตรการทั้งหลายต้องไม่กระทบต่อการแพร่ระบาดของโรค มีหลายคนบอกว่าเรามีเงินไม่พอ แค่ตอนนี้เราต้องกู้กันมา เราจะเกิดคลื่นลูกที่สอง หรือภูเขาลูกที่สอง ลูกที่สามตามมาไม่ได้อีกแล้ว เพราะว่าจะสูญเสียทั้งเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วก็เสียชีวิต ที่สุดแล้วก็คือเรื่องของงบประมาณ ตัวเลขที่เราเคยคำนวนกันในกระทรวง สธ. ว่า ผู้ป่วยโควิด 1 ราย ต้องใช้งบประมาณในการรักษาคนละ 1 ล้านบาท ตอนนี้เรามีคนป่วยไปแล้ว 2,000 กว่าราย นั่นหมายความว่าเกือบ 3 พันราย เสียงบประมาณไปไปแล้วถึงเกือบ 3 พันล้านบาท” นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าว